xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป)สาวอดีตลูกจ้างร้านข้าวมันไก่ศูนย์อาหาร รพ.โคราชร้อง ถูกไฟถังแก๊สไหม้สาหัสเสียโฉม แต่ไร้รับผิดชอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- สาวอดีตลูกจ้างร้านข้าวมันไก่ ศูนย์อาหาร รพ.โคราช ร้องขอความเป็นธรรมถูกไฟถังแก๊สร้านลุกไหม้ท่วมตัวบาดเจ็บสาหัส เป็นแผลฉกรรจ์ตามร่างกาย ทั้งแขน คอ ใบหน้า จนเสียโฉม ต้องนอน รพ.รักษานับเดือน แต่เจ้าของร้านไร้ความรับผิดชอบ ไม่ช่วยเหลือตามที่สัญญาไว้ ทำให้เจ้าตัวและครอบครัวเดือดร้อนหนัก

วันนี้ (7 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหญิงชาวโคราชรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตลูกจ้างร้านขายอาหารที่ศูนย์อาหารและสรรพสินค้า ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชน เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีนายจ้างไม่ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล หลังจากเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์นายจ้างได้ใช้หญิงสาวรายดังกล่าวไปจุดเตาแก๊สเพื่อต้มหม้อน้ำซุป แต่แก๊สกลับลุกไหม้ ใบหน้าและตามร่างกายจนเป็นแผลฉกรรจ์ ต้องนอนโรงพยาบาลนับเดือน โดยฝ่ายนายจ้างสัญญาว่าจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล แต่กลับไม่ช่วยเหลือ จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนในครั้งนี้

นางสาววนิดา  จงท่วมกลาง อายุ 47 ปี ผู้เสียหาย

วันนี้ ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 838/171 หมู่บ้านสหกรณ์โครงการ 3 บ้านหนองตาคง หมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พบกับ นางสาววนิดา จงท่วมกลาง อายุ 47 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งพบว่า ตามร่างกายของนางสาววนิดา ยังคงมีบาดแผลอยู่ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ และแขนทั้งสองข้าง โดยแขนข้างขวานั้นยังคงมีผ้าพันแผลปิดทับอยู่ ส่วนแขนข้างซ้ายถอดผ้าพันแผลออกแล้ว แต่ยังเหลือรอยแผลเป็นฉกรรจ์ที่เกิดจากไฟเตาแก๊สให้เห็นอยู่เกือบทั้งแขน


โดยนางสาววนิดา เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่ร้านอาหารในศูนย์อาหารของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ทางนายจ้างได้ต้มน้ำซุปเอาไว้บนเตาแก๊สอยู่ก่อนแล้ว ผ่านไปสักครู่นายจ้างได้ใช้ให้ตนไปจุดเตาแก๊สขึ้นอีกครั้ง เพราะแก๊สที่ต้มน้ำซุปเกิดดับลง ตนจึงเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับใช้ปืนยิงแก๊ส จุดไปที่เตาแก๊ส แต่หลังจากจุดปืนยิงแก๊ส จู่ๆ ก็มีเปลวไฟลุกขึ้นอย่างรุนแรง จนไหม้ไปที่ใบหน้าของตนและแขนทั้งสองข้าง ทำให้ตนล้มลงโดยช่วงนั้นยังมีสติอยู่ แต่ไม่สามารถลืมตาได้

ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานที่อยู่ภายในร้านตะโกนบอกว่า จะพาไปหาหมอ แต่ทางนายจ้างบอกว่า ถ้าพาไปก็จะไม่มีคนทำงาน ทางเพื่อนร่วมงานจึงบอกกับทางนายจ้างว่า ยอมขาดงานเพื่อจะพาตนไปหาหมอ จากนั้น เพื่อนร่วมงานก็พาตนไปหาหมอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งในระหว่างนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ทางนายจ้างก็เดินทางมาเยี่ยมเป็นบางครั้ง พร้อมกับสัญญาว่าจะช่วยเรื่องรักษาค่าพยาบาล และช่วยเหลือค่าน้ำมันรถให้ลูกไปโรงเรียน


แต่ภายหลังที่ตนออกจากโรงพยาบาลแล้วในช่วงเดือนมกราคม 2568 ตนได้โทรศัพท์ไปหานายจ้างเพื่อถามไถ่เรื่องการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล แต่นายจ้างตอบกลับมาว่า ตนปฏิเสธและเมินเฉยที่จะไม่อยากรับความช่วยเหลือ โดยนายจ้างอ้างว่า เคยโทรหาตนหลายครั้งแล้ว แต่ตนไม่ยอมรับโทรศัพท์ ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ ในช่วงที่นายจ้างโทรมาหานั้น ตนยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ เนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นสาหัสมาก และหมอได้พันผ้าพันแผลเอาไว้ทั้งแขนจนไปถึงมือ ทำให้ไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้


หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตนก็โทร.ไปหานายจ้างอีกครั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทางนายจ้างบอกว่า ไม่รับปากว่าจะช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลได้วันไหน และจะช่วยเท่าไหร่ พอได้ยินแบบนั้น ตนก็รู้สึกไม่สบายใจ เป็นกังวลเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าค่านอนโรงพยาบาล ตนจะใช้สิทธิ์ประกันชีวิต และสิทธิ์ประกันสังคมในการจ่ายค่ารักษาตัวตอนที่นอนที่โรงพยาบาล แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการต้องเดินทางไปล้างแผลเป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง มีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ครั้งละ 2,000 กว่าบาท ซึ่งตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาและต้องเดินทางไปล้างแผลนั้น หมดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปล้างแผลเป็นเงินกว่า 20,000 บาทแล้ว


ตอนนี้ตนได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก เนื่องจากตนอาศัยอยู่กับลูกชายเพียง 2 คนเท่านั้น งานก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากแผลยังไม่หายดี ต้องนำรถไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อจะนำเงินมาผ่อนบ้านและรักษาตัว ซึ่งตอนนี้รายได้ทั้งหมดได้มาจากลูกชายที่ไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน นำเงินรายได้จากการทำงานนั้นมาเป็นค่ารักษาพยาบาลให้ตน

จึงอยากวอนผ่านสื่อมวลชน ไปถึงนายจ้าง ให้รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะช่วยเหลือเหลือดูแลเรื่องรักษาค่าพยาบาลและค่าเสียโอกาส ในการทำงานด้วย เพราะไม่รู้ว่าหลังจากที่ตนหายดีแล้ว ตนจะสามารถไปสมัครงานที่ไหนได้หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากบาดแผลที่ถูกไฟลวกค่อนข้างจะรุนแรง เกรงว่าไปสมัครงานที่ไหนจะถูกรังเกียจ ไม่มีไม่มีใครรับเข้าทำงาน










กำลังโหลดความคิดเห็น