ศูนย์ข่าวขอนแก่น-หลังศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนกฎกระทรวง ที่กำหนดข้อห้ามเรื่องทรงผมและการใช้เครื่องสำอางของนักเรียน เห็นว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพเกินสมควรและขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้านครูและผู้ปกครองในขอนแก่น กังวลว่าอาจกระทบระเบียบวินัย ขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่รู้สึกดีใจที่ได้รับอิสระและความมั่นใจมากขึ้น
จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518) ซึ่งกำหนดข้อห้ามเกี่ยวกับทรงผมและการใช้เครื่องสำอางของนักเรียน โดยศาลเห็นว่ากฎดังกล่าวเป็นการจำกัดเสรีภาพในร่างกายของนักเรียนเกินสมควรแก่เหตุ และไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน รวมถึงขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามโรงเรียนยังสามารถกำหนดระเบียบเกี่ยวกับทรงผมได้ แต่ต้องอยู่บนหลักการคุ้มครองสิทธิเด็ก และคำนึงถึงพัฒนาการและอัตลักษณ์ของนักเรียนในแต่ละช่วงวัย
นางรินวงษ์ลภัส เบ้าเงิน รองผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลสวนสนุก จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โดยทั่วไปนักเรียนที่ไว้ผมสั้นดูสุภาพเรียบร้อยและสะอาดตา แต่หากไว้ผมยาวอาจทำให้ดูไม่เป็นระเบียบและส่งผลต่อวินัยของนักเรียน แม้จะเข้าใจมุมมองของเด็กที่ต้องการเสรีภาพ แต่ครูยังมองว่าควรมีการจำกัดเสรีภาพตามระดับชั้น เช่น ระดับมัธยมสามารถไว้ผมยาวได้ ขณะที่ระดับประถมควรตัดรองทรงเพื่อความเหมาะสม
ด้านนายประยุทธ ยอดแคล้ว ผู้ปกครองนักเรียน ให้ความเห็นว่า เห็นด้วยหากเป็นระดับมัธยมปลายที่สามารถไว้ผมยาวได้ เพราะพ่อแม่สามารถตักเตือนดูแลได้ แต่สำหรับนักเรียนระดับประถม (ป.1-ป.6) มองว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากอาจส่งผลต่อพฤติกรรมและภาวะทางเพศ อีกทั้งยังอาจนำไปสู่ปัญหาสังคม เช่น การคบหากันเร็วขึ้นการเสพสิ่งเสพติด และอบายมุข โดยมองว่าทรงผมสั้นเหมาะสมกับวัยเด็กมากกว่า
ขณะที่นายสิริมงคล คำพิลา อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนกัลยาณวัตร จ.ขอนแก่น ให้ความเห็นว่า รู้สึกดีใจที่สามารถเลือกทรงผมตามความต้องการของแต่ละคน โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ ที่จะมีอิสระในการไว้ผมยาวและแต่งหน้าไปโรงเรียน ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง
อีกทั้งยังเชื่อว่าความเป็นระเบียบขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง เช่น หากปล่อยผมยาวก็สามารถรวบให้เรียบร้อยได้
