“ศักดิ์ดา” ปธ.กมธ.แก้ปัญหาภัยแล้ง ชี้สินค้าภาคเกษตรตกต่ำต้องแก้ที่ต้นทุนคือค่าแรงสูง

กาญจนบุรี - “ศักดิ์ดา” ปธ.กมธ.แก้ปัญหาภัยแล้ง ชี้สินค้าภาคเกษตรตกต่ำต้องแก้ที่ต้นทุนคือค่าแรงสูงซึ่งตรงข้ามกับประเทศเพื่อนบ้าน

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 4 ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งและปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ โดยเฉพาะข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ซึ่งเป็นพืชเชิงเดี่ยวและเป็นสันหลังของชาติ ว่า ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงเรื่องฝนและภูมิอากาศของไทยนั้น ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่หมุนเวียนกันไปในแต่ละฤดู เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมของทุกปีจะเข้าสู่ฤดูแล้ง เมื่อถึงช่วงเดือนพฤษภาคมจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งในแต่ละฤดูประชาชนคนไทยทั่วประเทศต่างทราบดีอยู่แล้ว

สำหรับช่วงฤดูของภัยแล้งนั้นมันจะกระทบต่อภาคการเกษตรโดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนเรื่องน้ำ ทุกวันนี้น้ำผิวดินที่มีอยู่ตามสระหรือตามห้วย หนอง คลองบึงต่างๆ ไม่สามารถนำมาใช้ได้ซึ่งจะแตกต่างจากในอดีตที่ปัญหาภัยแล้งไม่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรมากนัก เพราะในอดีตเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งประชาชนยังสามารถใช้น้ำที่มีอยู่ตามห้วยหนองคลองบึงได้ตามปกติ แต่ปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเมื่อฝนตกลงมาน้ำจะไหลลงสู่ทะเลและที่ราบต่ำแล้วซึมลงไปใต้ผิวดินอย่างรวดเร็วเพราะปัจจุบันป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ถูกมนุษย์เราทำลายจนภูเขาที่เป็นป่าต้นน้ำกลายเป็นเขาหัวโล้นไปหมดเกือบทั่วทั้งประเทศแล้ว โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือตนบน

สำหรับน้ำที่พอมีอยู่ตามห้วยหนองคลองบึงคุณภาพของน้ำมีการเน่าเสีย สาเหตุเกิดจากโรงงานภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการใช้เกษตรเคมีทำให้เกษตรกรไม่สามารถนำมาใช้ได้โดยเฉพาะเกษตรกรในภาคกลาง ทำให้ต้องหันมาพึ่งพาน้ำประปาหรือเจาะบ่อบาดาลนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้

ในปัจจุบันนี้ ภาคเกษตรได้มีการขยายพื้นที่ในการเพาะปลูกเพิ่มมากขึ้น เมื่อขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นแต่แหล่งน้ำยังขาดแคลนอยู่จึงทำให้พืชการเกษตรที่ปลูกเอาไว้ล้มตายเสียหายไปหมด สุดท้ายจะไปมีปัญหากับรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาหากประชาชนภาคการเกษตรหรือภาคปศุสัตว์หากได้รับความเดือดร้อนด้านราคาตกต่ำ จะเข้าไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลจ่ายค่าชดเชยหรือช่วยเหลือเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตในทุกปี

ซึ่งปัจจุบันนี้สินค้าการเกษตรมีราคาที่ตกต่ำเช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ซึ่งเป็นภาคเกษตรหลักของประชาชนคนไทยทั่วประเทศ ถามว่าทำไมสินค้าเหล่านี้จึงมีราคาที่ตกต่ำ ส่วนตัวผมเชื่อว่าเป็นเพราะเราไปพึ่งพาต่างประเทศ เช่น มันสำปะหลังส่งไปขายให้จีน ส่วนข้าวเราส่งไปขายให้ยุโรปหรืออเมริกา ซึ่งปัจจุบันต้นทุนในการผลิตของไทยเรามีราคาค่อนข้างสูงและเมื่อนำไปเทียบกับราคาต้นทุนการผลิตกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา หรือพม่า ซึ่งทั้ง 3 ประเทศนี้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำสาเหตุเป็นเพราะค่าแรงคนงานของทั้ง 3 ประเทศถูกมาก วันละ 100 บาทเท่านั้น แต่ค่าแรงของประเทศเราสูงถึงวันละ 300 บาท ซึ่งขณะนี้ยังมีการออกมาเรียกร้องให้เพิ่มค่าแรงขึ้นอีกวันละ 400-500 บาท เมื่อค่าแรงสูงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านของเราทั้ง 3 ประเทศมีการปลูกอ้อย ข้าวโพด และมันสำปะหลังเช่นกันเพราะสภาพอากาศคล้ายกัน แต่ต้นทุนการผลิตของประเทศเพื่อนบ้านของเราคิดเป็นราคาต่อตันถูกมาก เช่น ค่าจ้างไถ ค่าจ้างปลูกและค่าจ้างดูแลดายวัชพืชรวมถึงค่าจ้างในการเก็บผลผลิต เพียงวันละ 80-100 บาทเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเมื่อเขาได้ผลผลิตมาในราคาต้นทุนที่ต่ำจึงทำให้เกษตรกรของประเทศเพื่อนบ้านมีกำไรจากการผลิตซึ่งแตกต่างจากต้นทุนการผลิตของประเทศเราเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาผมทราบว่าขณะนี้มีการสั่งนำเข้าสินค้าการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามามีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เมื่อนำสินค้าเข้ามาทำให้สินค้าการผลิตภายในประเทศเกิดการล้นตลาด เมื่อสินค้าล้นตลาดจึงเป็นสาเหตุทำให้ราคาถูกและตกต่ำลง ทำให้เกษตรกรของไทยขาดทุน เมื่อเกิดการขาดทุนเกษตรกรจึงมาเรียกร้องกับรัฐบาล

ปัญหาราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำประเด็นหลักเลยคือมาจากเกษตรกรผู้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ประเภทข้าว มันสำปะหลัง อ้อยและข้าวโพดนั้นจะต้องจ่ายค่าแรงสูงแต่ค่าแรงของประเทศเพื่อนบ้านต่ำ ผลผลิตที่ได้ออกมาก็เหมือนกัน ทำให้เกษตรกรของไทยเกิดการขาดทุน และยิ่งเกษตรกรของไทยขยายพื้นที่ทำการเกษตรเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ จะทำให้ขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น รัฐบาลจึงจำเป็นจะต้องออกมาช่วยเหลือในการซัปพอร์ตมากขึ้นไปด้วย ส่วนตัวเป็นห่วงทั้งภาคการเกษตรและรัฐบาลที่ต้องมาแบกรับภาระเกี่ยวกับต้นทุนการผลิต สิ่งเดียวที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบคือการแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตคือเรื่องค่าแรงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากรัฐบาลทำได้เชื่อว่าผลผลิตที่ออกมาจะทำให้เกษตรกรไม่ขาดทุนและมีกำไรที่ดีอีกด้วย