ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลามไม่หยุดขบวนการผลาญป่าตะวันออก พบพื้นที่ คทช.ปลูกทุเรียนใน อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ล้วนตกอยู่ในมือทุนจีน โดยใช้เทคนิคกว้านซื้อผ่านบริษัทเจ้าของเดิมที่มีใคนไทยที่เป็นผู้ร่วมถือหุ้น ตรวจสอบชื่อปรากฏทั้งคนจันท์-ตราด เถือครองขณะเจ้าตัวบอกไม่รู้เรื่อง ปธ.กมธ.ทรัพยากรฯ ชี้แค่ยึดทรัพย์คงไม่พอ
จากกรณีที่ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะและหน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ ทสจ.ฉะเชิงเทรา รวมทั้งฝ่ายปกครอง นายก อบต.คลองตะเกรา และตำรวจ สภ.ท่าตะเกียบ ได้ร่วมประชุมเพื่อติดตามกรณีการตรวจพบบริษัทชาวจีน ที่ได้เข้ามาถือครองที่ดินทำสวนทุเรียนในพื้นที่บ้ายห้วยนา ม.20 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา
จนนำสู่การเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อดูกายภาพซึ่งสิ่งที่ปรากฏคือ พบการขุดบ่อน้ำลึกประมาณ 30 เมตรกว้างไม่ต่ำกว่า 50 เมตร จำนวน 1 บ่อในสวนทุเรียนดังกล่าว และได้รับการยืนยันจาก อบต.คลองตะเกรา ว่าเป็นการดำเนินงานโดยไม่มีการขออนุญาตขุดดิน ถมดินต่อทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พรบ. ขุดดิน-ถมดินฯ ที่รับผิดชอบ
ซ้ำยังมีการปิดลำลางร่องน้ำจากชายเขา เบี่ยงทางให้น้ำเข้าไปในสระน้ำที่ขุดไว้ และยังมีการเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่ รวมทั้งมีการปลูกสร้างโรงเรือนพื่อใช้เก็บอุปกรณ์และเป็นที่พักคนงาน และอื่นๆ ทำให้คณะกรรมาธิการฯ ต้องประสานไปยังสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมเจ้าท่า เพื่อเข้าดำเนินตรวจสอบและแจ้งข้อกล่าวหาไปในคราวเดียวกันนั้น
วันนี้ ( 28 ก.พ.) นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้ออกมายืนยันว่าปัจจุบัน พื้นที่ภาคตะวันออก กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากแก๊งมอดไม้ที่เข้ามา บุกรุก แผ้วถางป่าเพื่อทำสวนทุเรียน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มทุนจีนพยายามเข้ามาถือครองที่ดิน ด้วยการซื้อที่ดินผ่านบริษัทเจ้าของเดิม และใช้คนไทยที่เป็นผู้ร่วมถือหุ้นในบริษัท เข้าซื้อสิทธิ์ เพื่อเลี่ยงกฎหมาย
“ จากภาพที่ปรากฏและข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ น่าตกใจว่าที่ดินที่ภาครัฐจัดสรรให้กับประชาชนผ่านโครงการ คทช. ตกไปอยู่ในมือกลุ่มทุนจีน และยังพบข้อมูลที่น่าตกใจว่าคนมีชื่อถือครองสิทธิ์ คทช. มีหลายคนมาจากจังหวัดจันทบุรีและตราด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไล่ตรวจสอบไปยังชื่อบุคคลดังกล่าว เจ้าตัวกลับแจ้งว่า ไม่เคยขอใช้สิทธิ์ถือครองที่ดินในบริเวณที่กำลังปรากฏเป็นข่าวอยู่ ณ ขณะนี้”
และจากการสอบถามไปยังผู้ที่มีชื่อครองที่ดินได้ให้ข้อมูลว่า เคยทำงานในบริษัทที่เป็นเจ้าของที่ดินก่อนหน้านี้ และบริษัทได้ขายต่อให้กลุ่มทุนจีน จึงไม่ทราบว่าเหตุใดชื่อของตนเองจึงไปปรากฏเป็นผู้ถือครองที่ดินได้
นายชีวะภาพ ยังระบุว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบังคับใช้กฎหมายป่าไม้อย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ทั้งนี้มาตรการยึดคืนที่ดินกลับมาและตัดสิทธิ์คนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจากภาครัฐ ไม่อาจทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไปได้ ควรต้องใช้ยาแรงด้วยการประสาน ปปง. เข้ามาตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินควบคู่ เพราะเชื่อว่ามีขบวนการบางกลุ่มต้องการใช้ที่ดินและสวนทุเรียน ดำเนินการเพื่อให้เงินบางอย่างถูกกฎหมายเพราะทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจที่ราคาค่อนข้างสูงในแต่ละปี