ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทัพเรือ ร่วมฝ่ายปกครอง ตำรวจ เปิดยุทธการทวงคืนแผ่นดินพระราชา แจ้งความบันทึกการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่และขุดดินสร้างบ้านในพื้นที่หวงห้าม ภูเขา ปริมณฑลเขาในเขตที่ดินทรงสงวนและเขตปลอดภัยในราชการทหาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รวม 2 จุด
วันนี้ (27 ก.พ.) นาวาเอกอธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการ กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เผยว่าขณะนี้กองทัพเรือได้ตรวจพบการบุกรุกพื้นที่เขตทรงสงวน ซึ่งเป็นภูเขาและปริมณฑลเขา ที่เกิดจากกลุ่มนายทุนที่เข้ามาบุกรุก แผ้วถางป่าไม้ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และขุดดินภูเขาเป็นจำนวนมาก ซึ่ง พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้บุกพื้นที่หวงห้าม โดยเฉพาะภูเขา ปริมณฑลเขา รวมถึงการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เพื่อยับยั้งการบุกรุกที่ดินทรงสงวนอย่างเด็ดขาด
ล่าสุด กองอสังหาริมทรัพย์ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบภูเขาภายในหมู่บ้านสามัคคี โครงการ 4 ซอย 1 ม.7 ต.พลูตาหลวง หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีนายทุนบุกรุกทำทางขึ้นเขาและยังทำประตูรั้วกั้นอย่างแข็งแรง ซึ่งเมื่อนำโดรนบินสำรวจโดยรอบพบร่องรอยการบุกรุก แผ้วถางพื้นที่และขุดดินให้แปรเปลี่ยนไปจากสภาพเดิมซึ่งเป็นภูเขา รวมทั้งยังมีสิ่งปลูกสร้างในลักษณะบ้านพัก จำนวน 2 หลัง
และจากการสอบถามชาวบ้านบริเวณดังกล่าวไม่มีใครรู้ว่าทางขึ้นเขาและรั้วกั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากไม่เคยมีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกพิกัดรายละเอียด ก่อนรวบรวมหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน ชุดปฏิบัติการทวงคืนแผ่นดินของพระราชา ยังพบการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ ม.8 ต.พลูตาหลวง โดยมีการแผ้วถางป่าในพื้นที่ซึ่งไม่มีสิทธิในที่ดินและมีการขุดดินในพื้นที่เขตที่ดินทรงสงวนโดยมิได้รับอนุญาต จึงได้รายงานให้ พล.ร.ท.วัชระ พัฒนรัฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ทราบ
และได้มอบอำนาจให้ นาวาตรีวรเทพ แดงทรงเจริญ นายทหารที่ดิน กองอสังหาริมทรัพย์ เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กับ ร.ต.อ.พงสวัสดิ์ มอมุงคุณ รองสารวัตรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ว่าจากการลงพื้นทีตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่ง พบร่องรอยการบุกรุก แผ้วถางพื้นที่ซึ่งไม่มีสิทธิในที่ดินเขตทรงสงวนตามพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
รวมทั้งยังมีการปลูกสร้างอาคารในเขตปลอดภัยทางทหารที่กองทัพเรือรับผิดชอบโดยมิได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดความเสียหาย และจะรวบรวมหลักฐานประกอบความผิดมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในโอกาสต่อไป
