เชียงใหม่ - “หนูนา” ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาและอดีต รมช.ศึกษาฯ มอบเงิน 49.25 ล้านบาท สนับสนุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการก่อสร้างศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า บนพื้นที่ 26 ไร่ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูแลสุขภาพช้างและศึกษาวิจัยอย่างครบวงจร เบื้องต้นกำหนดแล้วเสร็จใน 1 ปีครึ่ง เผยห่วงสถานการณ์ช้างไทยในปางเลี้ยงถูกบีบเร่งให้มีลูกเพื่อใช้เป็นเครื่องมือตอบสนองการกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 68 ที่ห้องประชุมศรีวิสารวาจา สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีรับมอบเงินสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลช้าง ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้มีบทบาทอนุรักษ์ช้างไทย จำนวน 49,250,000 บาท สำหรับเป็นพื้นที่เพื่อการรองรับการดูแลและรักษาช้างป่วยอย่างทันท่วงที ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการวิจัย และ พัฒนา ฝึกอบรม และ เผยแพร่ความรู้ในการดูแลสุขภาพช้าง และ สัตว์ป่า ที่ถูกต้องให้กับนักศึกษาสัตวแพทย์ และ ผู้ที่สนใจบนพื้นที่ 26 ไร่ ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ศ.เชี่ยวชาญพิเศษ ดร.นายสัตวแพทย์ กรกฎ งานวงศ์พาณิชย์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์ ฉัตรโชติ ทิตาราม รองคณบดีฝ่ายวิจัยนวัตกรรม และ วิเทศสัมพันธ์ และ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ ร่วมรับมอบ โดยมีสักขีพยาน จากผู้แทนหน่วยงานองค์กรต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ช้างร่วมพิธีด้วย
ทั้งนี้ นางสาวกัญจนากล่าวว่า ตนเองมีความรักช้างมากและช้างมีปัญหาเรื่องสุขภาพใหญ่พอๆ กับตัวของเขาเอง และการดูแลยาก เมื่อทราบว่าทาง มช.อยากสร้างโรงพยาบาลช้างมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ จึงหารือ และเต็มใจมอบเงินช่วยเหลือในการสร้างโรงพยาบาลช้างให้สำเร็จภายใน 1 ปี และหวังว่า จะมีคุณูปการต่อช้าง และชาวช้างเชียงใหม่ และภาคเหนือ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสถานที่รักษาที่ดี สบายใจ ดีใจมากที่ได้มอบเงินในวันนี้ ความจริงโรงพยาบาลช้างในประเทศก็มีแต่ไม่มาก ภาคใต้ 2 แห่ง ที่ จังหวัดพังงา และกระบี่ ภาคอีสาน เป็นของกรมปศุสัตว์ ภาคกลาง ที่กำแพงแสนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และภาคเหนือ ที่จังหวัดลำปาง และล่าสุดโรงพยาบาลช้างของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ขณะที่สถานการณ์ช้างในเมืองไทยตอนนี้ที่น่าห่วง คือ จากที่มีการกระตุ้นเสริมทางการท่องเที่ยวโตขึ้นมาก ทำให้ปางช้างภาคเหนือมีการเร่งผลิตลูกช้างเพื่อเพิ่มประชากรช้างรองรับ มีการแยกจากแม่ก่อนเวลาอย่างน่าเป็นห่วง เพราะปกติเมื่อคลอดต้องรอ 30 เดือนจึงจะแยกจากแม่ แต่ปัจจุบันไม่เคยครบเวลา มีการขายลูกช้าง 1 ขวบให้กับปางที่ต้องการ และยังบังคับแม่ให้มีลูกเพิ่ม เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อยากฝากให้กรมปศุสัตว์ติดตามเอาผิดให้ได้โดยเร็ว ปกติชอบทำแต่เรื่องใหญ่ๆ ไถ่ชีวิตช้างพอแล้ว มีอีกเรื่องคือวิกฤตควาญช้างที่มีน้อย และเหลือน้อยไปทุกที และ ขาดทักษะ ก็มีกองทุนรองรับอยู่ ก็อยากพัฒนาเรื่องนี้ โดยเฉพาะควาญที่ดูแลช้างเพศผู้
ส่วน ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลช้างศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า แห่งใหม่นี้จะสามารถเรียนรู้จากสภาพความเป็นจริงของบุคลากร ช่วยกระตุ้นแรงจูงใจให้เพิ่มสัตวแพทย์เชี่ยวชาญทำงานในด้านนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมสามารถจัดการอบรมภาคปฏิบัติระยะสั้น สำหรับนักศึกษาคณะสัตวแพทย์ และผู้ที่สนใจทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ช้าง สัตว์ป่าธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยสถานที่ตั้งห่างจากตัวเมืองเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้านศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์ ฉัตรโชติกล่าวว่า ประเทศไทยมีความผูกพันกับช้างเลี้ยงมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือ ซึ่งมีจำนวนช้างเลี้ยงคิดเป็นหนึ่งในสาม หรือ 1,500 ถึง 1,600 เชือก ของประชากรช้างเลี้ยงทั้งหมดของประเทศกว่า 4,000 เชือก ราว 1 ใน 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีช้างเลี้ยงมากที่สุดในประเทศถึง 418 เชือก คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย จึงได้จัดตั้งศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่าขึ้น เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพช้างในรูปแบบคลินิกเคลื่อนที่ ด้วยรถกระบะ 2 คัน ร่วมกับหน่วยงาน และองค์กรภายนอก ควบคู่ไปกับการวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับช้าง และ สัตว์ป่า เพื่อเก็บข้อมูล และศึกษาแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพช้างให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่ามีการออกให้บริการดูแลสุขภาพช้าง และรักษาช้างป่วยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20 เคสต่อเดือน ซึ่งทีมสัตวแพทย์ยังคงประสบปัญหาในการรักษาช้างป่วยในพื้นที่ ด้วยข้อจำกัดในด้านสถานที่ บุคลากร และเครื่องมืออุปกรณ์ อีกทั้งสถานที่เลี้ยงช้างในจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลสัตว์ ที่สามารถรองรับช้างป่วยได้ และการขนย้ายช้างป่วยเป็นระยะทางไกลนั้นมีความยากลำบาก ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการการดูแลสุขภาพช้าง คณะสัตวแพทยศาสตร์จึงมีแผนที่จะจัดตั้ง โรงพยาบาลช้าง ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า แห่งใหม่ ในพื้นที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลช้าง ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า แห่งใหม่นี้ ประกอบไปด้วย อาคารโรงพยาบาลช้าง อาคารสำนักงาน อาคารพักฟื้นช้างป่วย อาคารโรงเก็บอาหาร และบ้านพักควาญช้าง ระบบไฟฟ้า และน้ำประปา ครุภัณฑ์ประกอบอาคาร ครุภัณฑ์สำนักงาน และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และ หากการก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนจะสามารถรองรับช้างป่วยที่มีอาการหนัก หรืออยู่ในขั้นวิกฤตไว้รักษาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 6 เชือก
อีกทั้งพร้อมสามารถจัดการอบรมภาคปฏิบัติระยะสั้น สำหรับนักศึกษาคณะสัตวแพทย์ และผู้ที่สนใจทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ช้าง สัตว์ป่า ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พื้นที่มีความเหมาะสมมาก เพราะอยู่ใกล้ป่าสักที่ยังสมบูรณ์ มีความเป็นธรรมชาติ เมื่อรับการรักษาช้างจะได้ไปพักผ่อนในป่าใกล้ๆ ได้ แต่สถานที่อาจต้องมีพื้นปูน เพื่อใช้เวลารักษาที่ต้องใช้น้ำมาก หากเป็นดินอาจชื้นแฉะ ซึ่งการก่อสร้างจะเริ่มได้ประมาณ 2 ถึง 3 เดือนนับจากนี้ คาดใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง เพราะเมื่อได้รับงบประมาณจะต้องตั้งคณะกรรมการ จัดซื้อจัดจ้าง ขออนุญาตใช้พื้นที่ น้ำ ไฟ และเจาะน้ำบาดาล เมื่อแล้วเสร็จก็จะเป็นสถานที่ดูแลช้าง ฝึกนักศึกษาสัตวแพทย์ออกไปเป็นหมอช้างที่ดีในอนาคต ซึ่งปัจจุบันเราผลิตนักศึกษาได้ 80 คนต่อปี และเป็นหมอช้าง 1 ถึง 2 คนต่อปี หรือ บางทีอาจจะ 10 คนต่อปี แล้วแต่ลักษณะความชอบของสัตวแพทย์