กาฬสินธุ์ - กมธ.ป.ป.ช.ขนกองทัพสื่อลุยกาฬสินธุ์ ดูพื้นที่ก่อสร้างท่อระบายน้ำและเขื่อนกั้นตลิ่งแม่น้ำชี 8 โครงการ งบ 545 ล้าน ทยอยอนุมัติตั้งแต่ปี 61-64 แต่ยังไม่เสร็จสักโครงการ ทั้งที่เบิกเงินล่วงหน้า-ค่างวดงานไปแล้ว 250 ล้าน เหตุผู้รับเหมาะทิ้งงานจนโดนแบล็กลิสต์ ตั้งข้อสงสัย 2 หจก.ที่รับงานนามสกุลเดียวกับนักการเมืองในจังหวัด พร้อมส่ง ป.ป.ช.จัดการต่อ
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่บริเวณตลิ่งแม่น้ำชี จุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง บริเวณตำบลเจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ปธ.กมธ.ปปช.ฯ) นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1, นายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคเพื่อไทย นำคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคลงพื้นที่รับฟังปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่ง
บริเวณนี้เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาจังหวัดกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ในโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำและเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม ที่ทยอยอนุมัติมาตั้งแต่ปี 2561-ปี 2564 จำนวน 8 โครงการ งบประมาณกว่า 545 ล้านบาท แต่ทุกโครงการผู้รับจ้างที่กรมโยธาฯ จัดหามาทำการก่อสร้างนั้นผู้รับจ้างไม่สามารถก่อสร้างเสร็จแม้แต่โครงการเดียว จนเกิดการร้องเรียนยาวนานกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เศรษฐกิจในชุมชนเมืองได้รับความเสียหายประเมินค่ามากกว่า 600 ล้านบาท อีกทั้งการทิ้งงานทำให้ประชาชนเรียกร้องให้องค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น สตง. ป.ป.ช. ป.ป.ท. หรือแม้แต่หน่วยงานภายในจังหวัด อาทิ ตรวจสอบภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เข้าตรวจสอบติดตามปัญหานี้
การตรวจสอบ ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบได้พาไปดูจุดก่อสร้างหลายแห่ง โดยพบว่าบริเวณจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง 7 แห่งยังคงถูกปล่อยทิ้งร้าง เหลือแต่เสาเข็ม กองเศษหิน ในส่วนเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ที่เป็นจุดก่อสร้างท่อระบายน้ำ ถนนที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้เพื่อทำท่อระบายน้ำยังคงกลายเป็นกับดักชีวิตที่ก่อให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุ และปัญหาโรคระบาดจากท่อระบายน้ำที่ขังมีกลิ่นเหม็นเน่า สภาพพื้นที่ที่สื่อมวลชนได้เห็นพบว่าในจุดก่อสร้างบ้านเรืองร้านค้าถูกปล่อยทิ้งร้างเนื่องจากปัญหางานก่อสร้างที่ขาดความรับผิดชอบทิ้งงานยาวนาน
ทั้งนี้ ก่อนหน้าในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ปปช.ฯ พร้อมคณะได้เข้ามาติดตามปัญหาและเคยเสนอให้ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เร่งรัดหามาตรการเยียวยาให้พี่น้องประชาชน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนแต่อย่างใด ขณะที่บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งเขตตำบลลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ และที่ตำบลเจ้าท่า อ.กมลาไสย ยังพบว่ามีความพยายามใช้อำนาจรัฐเข้าไปข่มขู่ประชาชน ไม่เว้นแม้แต่พระ
ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ปปช.ฯ กล่าวว่า การติดตามตรวจสอบครั้งนี้เป็นการรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์โดยตรงก่อนที่ กมธ.ปปช.ฯ จะสรุปปัญหาที่พบเห็นเพื่อรายงาน ปปช.ฯ โดยก่อนหน้านี้ได้ส่ง นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการ สตง. ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำ กมธ.ปปช.ฯ มาตรวจสอบแล้ว ชัดแจ้งว่า 8 โครงการนี้ไม่ใช่โครงการที่ประมูลรวมกัน แต่เป็นโครงการที่ทยอยประมูลเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง จึงเป็นงานของส่วนกลางที่กระจายมายังส่วนภูมิภาค ปัญหานี้ทั้ง 8 โครงการ งบประมาณกว่า 545 ล้านบาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ รับจ้าง 6 โครงการ, หจก.ประชาพัฒน์ รับจ้าง 2 โครงการ การก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว
สาเหตุทิ้งงานจนถูกกรมโยธาฯ ประกาศเป็นผู้รับเหมาทิ้งงานเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 และถูกกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ประกาศเวียนห้างเป็นผู้รับเหมาทิ้งงานในช่วงปลายเดือนมกราคม 2568 จากผลของการติดตามของ กมธ.ปปช.ฯ
แต่ปัญหานี้ไม่จบเพียงแค่นั้น กมธ.ปปช.ฯ ยังคงดำเนินการตรวจสอบต่อเนื่อง เบื้องต้นพบประเด็นปัญหาสำคัญ หลักๆ จากเหตุแห่งการทุจริตที่มีการตั้งคำถามในวง กมธ.ปปช.ฯ ว่า ทำไม 2 หจก.นี้ถึงได้งานจากกรมโยธาธิการและผังเมืองทั้งหมด หจก.อื่นๆ ที่มีความสามารถในประเทศไทยไม่มีแล้วหรือ และก็รู้อีกว่า 2 หจก.นี้ เจ้าของ หจก.มีนามสกุลไปตรงกับนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และการจ้างงานระหว่างกรมโยธาฯ กับผู้รับจ้างพบว่ามีการลดราคางานเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อลงลึกในรายละเอียดเนื้องานก่อสร้างยังพบว่าทุกโครงการมีการจ่ายเงินแอดวานซ์ 15% และเกือบทุกโครงการมีการจ่ายค่างวดงาน ทำให้วงเงินรวมจากการเบิกจ่ายภาพรวมสูงถึง 250 ล้านบาท จากจำนวนเงินรวม 545 ล้านบาท
ต่อมาจึงเป็นประเด็นสำคัญถึงแนวทางการบริหารสัญญาของผู้บริหารสัญญาจากส่วนกลาง รวมถึงนายช่างผู้ควบคุมงาน ถึงแม้ว่าจะอ้างว่ามีเหตุจากปัญหาโควิด หรือปัญหาการขาดสภาพคล่องก็ต้องมีบันทึกของช่างผู้ควบคุมงาน ที่หากผู้บริหารสัญญาทำงานตรงไปตรงมาปัญหานี้ก็คงไม่สร้างความเสียหายมากมายขนาดนี้ และอีกหนึ่งความผิดปกติก็คือผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ออกมาปฏิเสธตลอดว่าไม่รู้เรื่องการก่อสร้างไม่เกี่ยวกับทางจังหวัด เป็นงบของส่วนกลาง กรณีนี้ยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประชาชนเขาเรียกกันว่าพ่อเมืองกาฬสินธุ์นั้น จะต้องรู้ทุกเรื่องแม้แต่เข็มตกในพื้นที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ก็จะต้องออกมาช่วยเหลือป้องกัน เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนเดือดเนื้อร้อนใจอย่างทุกวันนี้”
ดร.ฉลาดกล่าวต่อไปว่า ตนยืนยันว่าการตรวจสอบนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นการตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตที่ได้สร้างความเสียหายแก่ประชาชนและงบประมาณของแผ่นดินของชาติ การติดตามในขั้นตอนของ กมธ.ปปช.ฯ ขณะนี้ กมธ.ปปช.ฯ ได้พักเรื่องนี้ไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อรอรับเอกสารสำคัญจากกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ยังไม่ส่งมายัง กมธ.ปปช. และเมื่อกรมโยธาฯ ได้ส่งเอกสารมาให้ทั้งหมดก็จะส่งให้ กมธ.ปปช. และที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ที่ตนได้มอบหมายให้ดูปัญหานี้โดยเฉพาะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ปธ.อนุ กมธ.ปปช. นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็น ปธ.ที่ปรึกษา กมธ.ปปช. และ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ตรวจเงินแผ่นดิน เป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำ กมธ.ปปช.ฯ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และ นายธีรัจชัย พันธุมาศ รอง ปธ.กมธ.ปปช.ฯ พร้อมด้วยที่ปรึกษาฯ เข้าพิจารณาเพื่อสรุปเนื้อหาตามข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อส่งต่อไปยัง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่
"ยืนยันว่ากรณีนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนคนกาฬสินธุ์ และจะต้องเรียกเงินคืนแผ่นดินที่เป็นค่าความเสียหายทั้งหมดด้วย" ดร.ฉลาดกล่าว
นอกจากนี้ ในกรณีดังกล่าว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่อาคารรัฐสภา กมธ.ปปช.ฯ จะจัดสัมมนาการป้องกันปัญหาการทุจริตในภาครัฐ โดยได้เชิญปลัดกระทรวง อธิบดี ในทุกกระทรวง ทบวง กรม เข้ามาถกเพื่อหาทางออกในการป้องกันการทุจริตที่จะมีการนำปัญหาโครงการก่อสร้าง 7 ชั่วโคตรของชาวกาฬสินธุ์ เป็นหัวข้อสำคัญในการถกเพื่อสร้างบรรทัดฐานในการป้องกันและการเอาผิดผู้กระทำการทุจริตด้วย
