ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อดีตผู้สมัคร ส.ว.โคราชรวมพลังลานย่าโมให้กำลังใจ DSI รับคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.เป็นคดีพิเศษ จี้ตรวจสอบความไม่โปร่งใส หวั่นกระทบอนาคตประเทศ
วันนี้ (24 ก.พ. 68) เวลา 12.00 น. ได้มีอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2567 ในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 13 คน รวมตัวกันที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา แสดงพลังเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.เป็นคดีพิเศษ พร้อมชูป้ายข้อความที่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และเป็นธรรม โดยย้ำว่าหากปล่อยให้เกิดการทุจริตโดยไม่มีการตรวจสอบ จะส่งผลเสียร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศ
การรวมตัวครั้งนี้นำโดย นายอัครวัฒน์ พงษ์ธนาชลิตกุล และ นายมนตรี เยี่ยมสูงเนิน พร้อมอดีตผู้สมัคร ส.ว.อีก 11 คน ซึ่งทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือการเรียกร้องความเป็นธรรม และกดดันให้มีการตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว.ที่ผ่านมาว่ามีความไม่โปร่งใสหรือไม่ เนื่องจากพบว่ามีการใช้กลโกงและอุบายที่ซับซ้อน ส่งผลให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมากต้องพลาดโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญทางการเมือง
นายอัครวัฒน์กล่าวว่า ตนและอดีตผู้สมัคร ส.ว.หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าการเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 ไม่ได้เป็นไปตามหลักความบริสุทธิ์ยุติธรรม แม้กระบวนการเลือกตั้งดังกล่าวจะถูกกำหนดให้เป็นการเลือกกันเองในหมู่ผู้สมัคร แต่กลับพบว่ามีการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบเพื่อให้บางกลุ่มบางคนได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ว.โดยไม่มีการแข่งขันที่เท่าเทียม ซึ่งเป็นการบิดเบือนหลักการประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หนึ่งในปัญหาสำคัญคือ การที่ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกของการคัดเลือกระดับอำเภอ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากหลายคนเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ หากการเลือกตั้งดำเนินไปอย่างยุติธรรม บุคคลเหล่านี้ควรมีโอกาสเข้าไปทำงานในวุฒิสภาเพื่อพัฒนาประเทศ
ก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการเลือกตั้งแล้ว แต่เรื่องร้องเรียนกลับถูกตีตกทั้งหมด แม้จะมีเอกสารหลักฐานมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส โดยเฉพาะกรณีของผู้สมัครบางรายที่มีปัญหาคุณสมบัติ เช่น มีประวัติถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากคำตัดสินของศาลฎีกาเป็นเวลาถึง 10 ปี แต่กลับสามารถผ่านการคัดเลือกและได้รับตำแหน่ง ส.ว.ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งที่มีการร้องเรียนไปยัง กกต.มานานกว่า 8 เดือน แต่กลับไม่มีความคืบหน้า
การแสดงพลังครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเรียกร้องให้ DSI รับเรื่องไปพิจารณาเป็นคดีพิเศษแล้ว ยังเป็นการสะท้อนถึงความกังวลของประชาชนที่ไม่ต้องการให้การเลือกตั้ง ส.ว.ในอนาคตต้องถูกครอบงำด้วยระบบอุปถัมภ์และกลไกที่ไม่โปร่งใส หากไม่มีการตรวจสอบและแก้ไข การเลือกตั้งจะกลายเป็นเพียงกระบวนการที่ถูกกำหนดผลล่วงหน้า ทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในระบบการเมือง
นายอัครวัฒน์ยังกล่าวอีกว่า พวกตนเชื่อมั่นในความสามารถของ DSI ที่มีเทคโนโลยีในการตรวจสอบขั้นสูง เช่น การติดตามเส้นทางการเงิน หรือการวิเคราะห์พฤติกรรมการสื่อสารของผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้วเลือกตั้ง หากมีการดำเนินการอย่างจริงจังและโปร่งใส จะสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และช่วยให้ระบบการเลือกตั้งกลับมามีความน่าเชื่อถืออีกครั้ง
พวกตนยืนยันว่าจะติดตามความคืบหน้าของกรณีนี้ต่อไป และหวังว่า DSI จะดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ความจริงปรากฏ และนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเมืองไทย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต