พิษณุโลก - ตำรวจชุดสืบสนธิกำลัง “ทลายเครือข่ายคอกม้า” จับผู้ต้องหาไอ้หนุ่มบางกระทุ่มร่วมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนบ้านเดียวกัน เปิดบัญชีม้ารายละ 5–6 บัญชี แถมพาข้ามฝั่งไปสแกนใบหน้าถึงปอยเปตตลอด 2 ปี
พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก, พ.ต.อ.ศุภณัฐ ศตะกูรมะ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.สุเมธ สุนะ ผกก.สภ.บางกระทุ่ม, พ.ต.ท.วรการ กาศเกษม รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมเปิดยุทธการ “ทลายเครือข่ายคอกม้า” กวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดจัดหาคนเปิดบัญชีธนาคารให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ, พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก
ซึ่งสืบทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์, เว็บพนันออนไลน์ ชักชวนคนตามหมู่บ้าน อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เปิดบัญชีม้ากว่า 50 ราย และจัดหาคนขับรถรับ-ส่ง ขนคนไปทำงานสแกนใบหน้าที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายแก่ประชาชนในเขต สภ.เมืองพิษณุโลก สน.ประชาชื่น และ สภ.อื่นๆ กว่า 10 ล้านบาท
ล่าสุดวานนี้ (22 ก.พ. 68) ชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก สืบสวนภาค 6 จับกุม นายวินัย หรือนัย (ขอสงวนนาม) อายุ 37 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านหมู่ 8 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
พฤติการณ์ผู้ต้องหารายนี้คือ หลอกลวงชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ให้เปิดบัญชีธนาคาร ก่อนนำไปขายต่อให้กับมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์, เว็บพนันออนไลน์) และยังเป็นธุระจัดหาคนขับรถรับ-ส่งคนไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชากว่า 50 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอให้ออกหมายจับนายวินัย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบใช้เวลาตามหาแหล่งกบดานของผู้ต้องหา 2 วัน กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหากบดานอยู่ในบ้านเช่าเลขที่ 25/1 ม.5 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จึงนำกำลังทำการบุกเข้าจับกุม นายวินัย (ผู้ต้องหา) และให้การรับสารภาพว่าชักชวนชาวบ้านให้มาเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) และจัดหาคนไปทำงานให้กับมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์, เว็บพนันออนไลน์) ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จริง โดยทำมาแล้ว 2 ปี ชักชวนคนในหมู่บ้านเปิดบัญชีธนาคารไปแล้วกว่า 50 ราย โดยจะเปิดคนละ 5-6 บัญชี และนำพาทุกคนข้ามฝั่งไปทำงานสแกนใบหน้าที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา
เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธว่าตนนั้นไม่มีผู้ร่วมขบวนการแต่อย่างใด กระทำการเพียงผู้เดียว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล เพื่อขุดรากถอนโคนจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องให้ถึงต้นตอต่อไป
ทั้งนี้ จากการสืบค้นประวัติอาชญากรรมของนายวินัย พบว่าผู้ต้องหาเคยมีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด ถูกจับกุมและต้องโทษในคดีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1,800 เม็ด เมื่อปี 2558 ก่อนจะพ้นโทษแล้วผันตัวมาเป็นนายหน้าจัดหาบัญชีม้าจนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้