เชียงราย - จับเกือบยกแก๊ง..สองพี่น้องร่วมกับเพื่อนสุดแสบ สุมหัวขนยานรกล่องส่งเครือข่ายภาคกลางมาแล้วหลายรอบ ล่าสุดเจอ ตร.แกะรอยดักจับรถนำคาด่านฯ บน ทล.118 ทางหลวงเชียงราย-เชียงใหม่ เค้นสอบก่อนล่าเก๋งแดงเลี่ยงด่าน จนพบซุกยาครึ่งล้านจอดทิ้งกลางสวนลำไย แต่หัวโจกคนพี่ยังหนีไร้ร่องรอย
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สืบสวนแกะรอยขบวนการค้ายาเสพติด หลังมีเบาะแสว่าจะลักลอบขนยาบ้าจำนวนมากไปตามถนนหมายเลข 118 สายเชียงราย-เชียงใหม่ โดยมุ่งเน้นเฝ้าตรวจตามด่านตรวจตลอดเส้นทาง
กระทั่งพบรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีขาว ป้ายทะเบียน จ.เชียงราย ขับนำรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ออกมาจากทางบ้านรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย และใช้เส้นทางสายเด่นห้า-ดงมะดะ ไปทาง อ.แม่สรวย มุ่งหน้าขึ้น ทล.118 จะไปทาง จ.เชียงใหม่
เมื่อรถขับไปถึงด่านตรวจท่าก๊อ หมู่ 14 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เรียกตรวจรถยนต์คันแรก พบมีนายมานพ อายุ 22 ปี เป็นคนขับ และนายสุรชัย อายุ 25 ปี นั่งมาด้วย ตรวจสอบภายนอกไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่ต่างแสดงอาการพิรุธ หน้าซีด ตัวสั่น และมีโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลา
ส่วนรถยนต์เก๋งที่ขับตามมาพบว่าได้ใช้ถนนสายรองเลี่ยงด่านตรวจและขับไปถึงพื้นที่หมู่บ้านหนองหล่ม หมู่ 4 ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังออกไล่ติดตามไปจนถึงหมู่บ้านดังกล่าว ปรากฏว่าคนขับรถยนต์เก๋งได้เลี้ยวเข้าไปในสวนลำไยของชาวบ้านก่อนจะทิ้งรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าป่าไป
จากการตรวจสอบในรถยนต์เก๋งพบหลังรถบรรทุกกระสอบฟางมาด้วย 2 กระสอบ ภายในมียาเสพติดประเภทยาบ้ารวมกันจำนวน 500,000 เม็ด จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางและติดตามจับกุมคนที่หลบหนีต่อไป
เบื้องต้นทราบว่าคนที่หลบหนีเป็นพี่ชายของนายมานพคนขับรถยนต์กระบะนำทาง โดยทั้ง 3 คนได้ร่วมกันขนยาเสพติดไปส่งภาคกลางแล้ว 2 ครั้ง โดยนายมานพจะขับรถนำและนายสุรชัยคอยโทรศัพท์แจ้งเตือนพี่ชายนายมานพ ที่จะขับรถขนยาเสพติดให้หลบหนีกรณีพบเจอด่านตรวจ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” พร้อมกับเร่งขยายผลติดตามพี่ชายนายมานพที่ยังหลบหนีอยู่ต่อไป
