นครพนม - กลายเป็นหนังคนละม้วนจนได้ กรณีชาวท่าอุเทนหวาดผวาแก๊งลักเด็กอาละวาดจะจับเด็กชาย 10 ขวบ ถึงขั้น สพป.เขต 2นครพนมออกหนังสือแจ้งเตือนคร-ผู้ปกครองเฝ้าระวังบุตรหลาน ล่าสุด ผกก.สภ.ท่าอุเทนเผยกลุ่มชายแปลกหน้าต้องสงสัย 3 คนเป็นช่างซ่อมปั๊มน้ำโซลาร์เซลล์
จากกรณีมีเหตุการณ์ที่มีข่าวกลุ่มคนร้ายออกตระเวนลักเด็ก โดยใช้รถกระบะขับมาจอดหน้ารั้วโรงเรียนบ้านพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ภายในรถมีชายต้องสงสัย 3 คนพยายามเรียกเด็กนักเรียนให้ไปรับขนมหวานและน้ำหวาน ซึ่งไม่ใช่ผู้ปกครองของนักเรียน แต่เด็กไหวทันวิ่งหนีได้ ผู้ปกครองหวั่นเกรงว่าจะเป็นคนร้ายแก๊งลักเด็ก สร้างความหวาดผวาให้กับผู้ปกครองและครูในพื้นที่ จนมีการแชร์เรื่องราวต่อๆกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ขณะที่ สพป.เขต 2 นครพนม ร่อนหนังสือแจ้งเตือนภัยโรงเรียนทุกแห่งในสังกัด ตามที่เสอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้( 22 ก.พ.)พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทนเปิดเผยพร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาแสดงกับผู้สื่อข่าวโดยกล่าวว่า หลังจากที่ชุดสืบสวน สภ.ท่าอุเทนลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมไล่เช็คภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่ารถต้องสงสัยที่มีรูปพรรณตามที่ได้รับแจ้งแล่นผ่าน พบว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุจากปากคำของเด็กที่เสียหายพบว่ามีรถยนต์กระบะสีขาวหมายเลข ทะเบียน 4ช ฌ 9706 กทม.ซึ่งเป็นของบริษัทเทอราพาวเวอร์ จำกัด ให้บริการออกแบบ จำหน่าย ติดตั้ง และ บำรุงระบบสูบน้ำพลังแสงแสงอาทิตย์ วิ่งผ่านกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวคนขับรถวันดังกล่าวมาพบ
ซึ่งในวันดังกล่าวมีนายสนธยา ปอกเพชร ลูกจ้างบริษัทฯ เป็นผู้ชับขี่เข้าไปบริเวณที่เป็นข่าว มีหลักฐานช่วงเวลาผ่านกล้องวงจรปิด 12.03 นาที ของวันดังกล่าว และใช้เวลาเดินทางผ่านกล้องวงจรปิดไปยังจุดที่อ้างว่าเกิดเหตุ 3 นาที แล้วนายสนธยา ได้เข้าไปทำงานคิดตั้งไทม์เมอร์ของระบบน้ำประปาบริเวณที่ใกล้ๆจุดเกิดเหตุประมาณ 30 นาที เมื่อทำงานเสร็จก็ได้ขับรถออกมาจากโรงประปาที่กำลังก่อสร้าง แล้วจ่ายน้ำเข้าหมู่บ้านโนนสวรรค์ โดยนายสนธยา ได้ขับรถขึ้นมาบนถนนสายบ้านโนนสวรรค์ - ท่าหนามแก้วและ ได้เลี้ยวซ้ายบนถนนดังกล่าวมุ่งหน้าไปทางบ้านโนนสวรรค์
แต่ด้วยความที่นายสนธยา เป็นคนต่างถิ่นไม่คุ้นชินกับพื้นที่และเส้นทางประกอบกับเพิ่งเข้ามาทำงานติดตั้งไทมเมอร์ที่บริเวณสวนยางในหมู่บ้านโนนสวรรค์นี้เป็นครั้งแรก จึงใด้เปิดระบบ GPS ให้นำทางโดยที่นายสนธยา ให้การว่า ในช่วงเวลาประมาณ 12.40 น. ได้ถอยรถเข้าไปในบริเวณทางเข้าหน้าบ้านของ ด.ช.ฟุต เพื่อจะกลับรถและสภาพพื้นถนนมีความลาดชันต่างระดับทำให้ล้อหลังติดคล้ายรถติดหล่ม ซึ่งมีลักษณะตรงกับที่ เด็กได้ให้ข้อมูลว่ารถที่มาก่อเหตุจะมาจับตัวตนที่บ้านนั้น มีสภาพติดหล่มขณะชับรถออกไปหลังพยายามจะจับตัวตนที่บ้านพักในสวนยางพารา
ประกอบกับการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของ ด.ช.ฟุต ที่โทรศัพท์หานางวรรพร กะตะศิลา มารดาของ ด.ช.ธเนศ เมื่อเวลา 12.45 น. เพื่อให้แม่ซึ่งอยู่หมู่บ้านนาพะชัย อ.บ้านแพง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักในสวนยางของ ด.ช.ฟุต ประมาณ 10 กม. ให้มารับเนื่องจากเกิดเหตุมีคนขับรถยนต์ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมีรถยนต์วิ่งผ่านบริเวณนั้นเพียงคันเดียวเท่านั้น จึงเป็นการเข้าใจผิดของเด็กชายฟุต เองที่เข้าใจว่า มีคนร้ายจะมาจับตัว
พ.ต.อ.แสวง กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ อำเภอท่าอุเทน ไม่มีคดีเกี่ยวกับการลักเด็ก ไม่มีคนมาแจ้งความแต่อย่างใด อาจตื่นตกใจตามกระแสโลกออนไลน์ อยากฝากไปถึงผู้นำชุมชนและ ผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องสังเกตการณ์หากมีรถผิดสังเกตุเข้ามาในพื้นที่ ให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่ หรือโทร 191 โดยเร็วเพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีต่อไป