จันทบุรี - กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติ วุฒิสภา ลงพื้นที่รับทราบปัญหาชาวบ้านสร้างที่ทำกินในพื้นที่อ่างเก็บน้ำคีรีธาร ขณะผู้ว่าฯจันท์ ยันชาวบ้านหลายครอบครัวอาศัยที่ทำกินในพื้นที่ป่าก่อนมีการสร้างอ่างเก็บน้ำ เตรียมหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องหาทางออก
จากกรณีที่มีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างหนักใน จ.จันทบุรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบุกรุกพื้นที่เพื่อทำสวนทุเรียน และได้มีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหยุดยั้งหรือปราบปรามกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลักเพื่อรักษาทรัพยากรป่าไม้ใน จ.จันทบุรี ซึ่งถือเป็นป่าที่สมบูรณ์มากอีกแห่งในพื้นที่ภาคตะวันออกให้คนรุ่นหลังได้สืบทอด
จนนำสู่ขยายผลจับกุมขบวนการรุกป่าเขาพลับ-เขาบ่อทอง อ.มะขาม รวมทั้งเร่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในขบวนการบุกรุกป่าจันทบุรีในพื้นที่เขตรอยต่อ อ.แก่งหางแมว-เขาคิชฌกูฏ ที่กินเนื้อที่มากถึง 1,848 ไร่ และยังพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนคีรีธารด้วยนั้น
วันนี้ (22 ก.พ.) นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมด้วย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมหารือถึงการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า และการเข้าครอบครองพื้นที่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนคีรีธาร ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง ที่พบว่ามีชาวบ้านเข้าไปอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ระบุว่าชาวบ้านในพื้นที่หลายครอบครัวได้เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวก่อนที่จะมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ และเมื่อมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าในปี 2526 จึงได้มีการจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านได้อยู่ใหม่ในพื้นที่รอบอ่าง
และเมื่อมีการประกาศเขต ส.ป.ก.ทับลงไปทับพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมดในปี 2545 จึงทำให้เกิดปัญหามาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากหลายพื้นที่ยังมิได้มีการจัดที่ดินและออกหนังสืออนุญาตจาก ส.ป.ก.
“สิ่งสำคัญคืออยากให้มีการแยกเป็นรายกรณีเพราะบางพื้นที่เป็นการเข้ามาอยู่ของชาวบ้านก่อนประกาศเขตป่าเพื่อทำกินจริงๆ แต่หากเป็นกรณีนายทุน ไม่ว่าจะเป็นทุนไทย หรือทุนต่างชาติ หากมีข้อมูลทางจังหวัดไม่เอาไว้ ซึ่งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดจันทบุรี เจ้าหน้าที่มิได้นิ่งนอนใจ และที่ผ่านมามีการจับกุมดำเนินคดีแล้วรายหลาย แต่ยังพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำซาก แต่หากเป็นกรณีนายทุน ไม่ว่าจะเป็นทุนไทย หรือทุนต่างชาติ หากมีข้อมูลทางจังหวัดไม่เอาไว้” ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าว
ด้าน นายสุเทพ มีกระโดน อดีตกำนัน ต.บ่อเวฬุ และนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.จันทบุรี ยืนยันว่าที่ดินรอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนคีรีธาร เป็นของชาวบ้านในพื้นที่ที่ทำกินและไม่มีนายทุนอยู่เบื้องหลัง ที่สำคัญชาวบ้านที่ได้รับสิทธิไม่มีการขายเปลี่ยนมือไปให้คนอื่น จึงอยากให้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับทราบปัญหาในพื้นที่อ่างเก็บน้ำคีรีธารแล้ว และยินดีที่จะเป็นตัวกลางในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลเพื่อหาทางออกร่วมกัน และยังได้ฝากไปถึงชาวบ้านว่าไม่ควรบุกรุกพื้นที่ป่า พร้อมขอให้ช่วยแจ้งข้อมูลการบุกรุกป่ามากับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากบริเวณใกล้อ่างเก็บน้ำคีรีธาร มีพื้นที่ป่าประมาณ 200,000 ไร่ที่ต้องรักษาไว้