เอ็นจีโอ.ร้อง กสม.ร่วมตรวจสอบ!ต่างชาติรอดพ้นทุนเทาชายแดนเมียวดี ถูกเหมารวมร่วมค้ามนุษย์-แก๊งคอลฯ

ตาก - องค์กรเอกชน ร้อง กสม.ตรวจสอบคนรอดจากทุนเทาชายแดนเมียวดี หลังเจ้าหน้าที่ไทยบางหน่วยเหมารวมเป็นผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยันมีหลักฐานผู้เสียหายบางส่วนถูกมาเฟียจีนทำร้าย-ทรมานสารพัด บังคับทำงาน จนทนไม่ไหวติดต่อสถานทูต-ครอบครัว-เครือข่าย พยายามหนีแต่ถูกจับซ้ำ


กรณีทางการจีน ไทยและเมียนมา ช่วยเหลือชาวต่างชาติจากกลุ่มทุนเทาเครือข่ายค้ามนุษย์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์สแกมเมอร์ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มายัง อ.แม่สอด จ.ตาก และเข้าสู่กระบวนการส่งกลับประเทศโดยเฉพาะทางการจีนนำเครื่องบินไปรับชาวสัญชาติจีนโดยตรงนั้น

ล่าสุด "เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์" ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้ข้อมูลที่บิดเบือนทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ

เครือข่ายฯ ระบุว่าก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2567 เพื่อขอให้มีการช่วยเหลือผู้เสียหาย 110 คนจาก 9 สัญชาติในเมียวดีแต่ไม่มีการช่วยเหลือ ต่อมาวันที่ 5 ก.พ.2568 พบมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6,500 คน จาก 25 สัญชาติ

กระทั่งวันที่ 9 ก.พ.ผู้เสียหาย 100-150 คน ทนรับสภาพถูกทารุณโดยมาเฟียจีนไม่ไหวจึงหลบหนีจากเขตคุมขังในเวลา 02.00 น.เข้าไปในเขตของ DKBA ได้เพียง 2 คน ที่เหลือถูกจับกลับไปยังที่คุมขังอีก ก่อนที่ทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือจาก DKBA จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้ได้รับการช่วยเหลือ 260 คนซึ่ง DKBA ได้ส่งมาให้กับทางการไทยเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ อ.พบพระ จ.ตาก

อย่างไรก็ตามได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยกลับระบุว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครใจไปทำงานและเป็นผู้ที่ถูกหลอกเพียง 1 หรือ 2% ต่อมาผลการคัดแยกจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระบุว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มากถึง 258 คน มีคนที่ไม่ใช่ผู้เสียหายเป็นไต้หวันเพียง 2 คน

กระนั้นเจ้าหน้าที่ระดับระดับสูงหน่วยงานดังกล่าวกลับออกมาเปิดเผยอีกว่าชาวต่างชาติที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา ส่วนใหญ่ปั้นเรื่องว่าตนเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ทั้งๆที่มีเหยื่อจริงๆ แค่ 4-5 รายเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก

เครือข่ายฯ ร้องเรียนด้วยว่าผู้เสียหายที่ DKBA ส่งกลับมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ได้พยายามประสานขอความช่วยเหลือไปยังครอบครัว สถานฑูต และเครือข่ายฯ ซึ่งเก็บข้อมูลหลักฐานจากผู้ที่ยังพอใช้โทรศัพท์มือถือไว้ด้วย จึงขอยืนยันว่าพวกเขาเดินทางมาทำงานที่ประเทศไทยแต่ถูกพาข้ามไปค้ามนุษย์ในฝั่งประเทศเมียนมา

เมื่อพยายามดิ้นรนหลบหนีก็ถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส บางคนถูกยิงเสียชีวิต บางคนถูกช็อตด้วยไฟฟ้า กักขังทรมานและบังคับให้ทำแท้ง เป็นต้น เครือข่ายฯ จึงไม่อยากให้ซ้ำเติมและหลายคนยินดีจะกลับประเทศตนจึงควรคำนึงถึงผลกระทบและความรู้สึกของผู้เสียหาย ครอบครัว รวมถึงพลเมืองประเทศต่างๆ ที่ติดตามข่าว และจึงใคร่ร้องเรียนต่อ กสม.ได้โปรดพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามความเหมาะสม

รายงานข่าวแจ้งว่า BGF และ DKBA ใน จ.เมียวดี มีการปราบปรามแก๊งจีนเทาและเหยื่อในเขตอิทธิพลของตัวเองอย่างหนัก หลังจากได้มีนายหลิว จงอี้ ผู้ รมว.ความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางไปประสานกับทางการไทยและเมียนมารวมถึงผู้นำกองกำลังใน จ.เมียวดี เพื่อให้การช่วยเหลือเหยื่อและจับกุมมาเฟียซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเพื่อนำกลับประเทศจีน ทำให้คน 100-150 คนที่เคยหลบหนีออกจากเขต DKBA แต่หนีไม่พ้นถูกจับไปทำงานอีกได้รับการช่วยเหลือออกมาได้ดังกล่าว.