จับตากลุ่มนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และพื้นที่สาธารณะ​ทำสวนทุเรียนใน จ.ตราด

ตราด - หลายหน่วยงานในพื้นที่ จ.ตราด เร่งตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และพื้นที่สาธารณะ​ทั้งใน อ.บ่อไร่ และ อ.เขาสมิง ทำสวนทุเรียนของกลุ่มนายทุน หลังชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนมีนักการเมืองท้องถิ่นเกี่ยวข้อง หวั่นผลาญป่าจนไม่เหลือให้ลูกหลาน บางจุดพบอยู่ในโครงการสิทธิทำกิน​

จากรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าพบการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ ต.บ่อพลอย และ ต.หนองบอน  โดยมีการกล่าวอ้างว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบและขายต่อให้นายทุนเพื่อทำสวนทุเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เคยเข้าตรวจสอบแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนั้น ยังพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำคลองโสน ต.นนทรีย์ โดยมีการปลูกต้นทุเรียน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของโครงการชลประทานตราด ซึ่งมีลักษณะการบุกรุกคล้ายกรณีเกิดขึ้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ต.นนทรีย์ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ที่มีการร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งตรวจสอบใน 3 จุด คือ 1.สวนทุเรียนริมคลองอ้ายเผือก ต.บ่อพลอย 2.ตรงข้ามด่านตรวจบ้านมะนาว แนวริมคลองสะตอ ต.หนองบอน และ 3.อ่างเก็บน้ำคลองโสน ต.นนทรีย์

จนทำให้ นายสุเมธ ตะเพียนทอง นายอำเภอบ่อพลอย ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง นายพิชานนท์ อิงประสาร กำนันตำบลบ่อพลอย ลงพื้นที่ตรวจสอบสวนทุเรียนริมคลองอ้ายเผือก ต.บ่อพลอย จนพบว่าแปลงทุเรียนที่พบเป็นของชาวไทยซึ่งซื้อที่ดินต่อมาอีกทีอย่างถูกต้องประมาณ 100 ไร่ 

ส่วนข้อร้องเรียนเรื่องการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้าพิสูจน์สิทธิต่อไป เช่นเดียวกับการตรวจสอบเรื่องการบุกรุกที่ดินสาธารณะ​ใน ต.บ่อพลอย  ที่จะต้องมีการตรวจสอบเช่นกันนั้น 


ล่าสุด พบอีกสวนทุเรียน 215 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาสมิง จ.ตราด

และเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา นายจตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.ตราด พร้อมด้วย นายทวีวงศ์ ชื่นอารมณ์ ผู้ช่วยดำเนินงาน ส.ส.ตราด และทีมงานที่ได้รับมอบหมายจาก นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสมิง (ป่าคลองใหญ่และป่าเขาไฟไหม้) ม.8 ต.สะตอ อ.เขาสมิง

หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าทำสวนทุเรียนกว่า 215 ไร่ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ยังมีสารวัตรกำนันตำบลสะตอ และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่วมด้วย ซึ่งเมื่อไปถึงพบผู้แลสวนเป็นหญิงหนึ่งราย ที่ได้นำเอกสารแสดงขอบเขตแปลงสวนทุเรียนพร้อมหนังสือยินยอมการใช้สิทธิที่ดินจากเจ้าของเดิมให้เจ้าของใหม่แสดงต่อทีมงาน ส.ส. ก่อนจะพาไปดูหลักเขตที่ดินซึ่งเป็นหลักเขต ส.ป.ก. อีกแปลงที่อยู่ติดกัน

จากการตรวจสอบพื้นที่จากภาพถ่ายทางอากาศ พบว่าพื้นที่ทั้ง 215 ไร่ เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสมิง (ป่าคลองใหญ่และป่าเขาไฟไหม้) และเขต ส.ป.ก. แต่ได้มีการนำพื้นที่นี้เข้าร่วมโครงการสิทธิทำกิน แบ่งเป็นทั้งหมด 14 แปลง และมีหนังสือยิมยอมจากเจ้าของเดิมให้เป็นของเจ้าของใหม่เพียงคนเดียว 

โดยได้แบ่งเนื้อที่เป็น 3 แปลง คือ แปลงที่ 1 เนื้อที่ 58 ไร่ 1 งาน 2 ตารางวา แปลงที่ 2 เนื้อที่ 102 ไร่ 2 งาน 65 ตารางวา และแปลงที่ 3 เนื้อที่ 45 ไร่ 3 งาน 49 ตารางวา โดยพื้นที่ทั้ง 3 แปลงถูกปรับสภาพให้เป็นพื้นที่ปลูกทุเรียนแล้วทั้งหมด


นายจตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.ตราด เผยว่าหลัง ส.ส.ตราด ได้รับการร้องเรียนว่ามีการบุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสมิง จึงมอบหมายให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่ามีการทำสัญญาโอนสิทธิและยินยอมให้เจ้าของใหม่เข้าใช้สิทธิในที่ดินได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นสวนทุเรียน ได้เคยเป็นสวนยางพารามาก่อน

และยังพบว่ามีจำนวน 8 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินสิทธิทำกิน (สทก.) และเป็นที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังมีข้อสงสัยในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่ต้องให้หน่วยงานราชการเข้าตรวจสอบต่อไป

"ปัจจุบันมีประชาชนส่วนหนึ่งใช้ google map ตรวจสอบพื้นที่ป่าอย่างเข้มข้น และพบว่ามีหลายพื้นที่มีสภาพเหมือนการบุกรุก แต่จริงแล้วอาจจะเป็นพื้นที่ที่ทำประโยชน์มานานแล้ว แต่ด้วยปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่มาทำสวนทุเรียนกันเยอะเนื่องจากสร้างรายได้ดี แต่ทั้งหมด ส.ส.ตราด พร้อมเข้าตรวจสอบทุกพื้นที่หากมีการร้องเรียนในลักษณะนี้เช่นกัน" ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.ตราด กล่าว