หนองบัวลำภู- อนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่นเขต 26 หนองบัวลำภู เสนอทางออกจัดการเศษใบอ้อยดันอ้อยสดเข้าโรงงานมากขึ้น รัฐต้องลดภาษีนำเข้าเครื่องจักรให้เกษตรกรซื้อรถตัดอ้อยได้ง่าย ส่วนการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน รัฐบาลต้องมีความชัดเจนและจริงใจช่วยเหลือ
วันที่ 17 ก.พ.ที่ ห้องประชุมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดหนองบัวลำภู นายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่นเขต 26 จังหวัดหนองบัวลำภู ครั้งที่ 1/2568 ผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 4 เขตบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย 5 ผู้แทนโรงงานน้ำตาล ผู้แทนสมาคมชาวไร่อ้อย และมีนายชัยรัตน์ ยอดทัพ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต และกลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมประชุมด้วย
งานนี้ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นผู้ดำเนินการจัดประชุม และที่ประชุมมีมติดังนี้ 1. สนับสนุนให้มีการเพิ่มจำนวนรถตัดอ้อยในพื้นที่ เพื่อเพิ่มปริมาณอ้อยสดเข้าสู่โรงงาน ทั้งนี้ควรมีการลดภาษีนำเข้าเครื่องจักร เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ง่าย 2. รัฐบาลควรมีความชัดเจนเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี (120 บาท/ตัน) ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการนำไปใช้จัดการเศษวัสดุในไร่อ้อยของตนเอง
นายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่าการจัดการใบอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว โดยใช้รถสางใบอ้อย แต่ต้นอ้อยต้องไม่ล้ม คือ 1.ใช้รถสางใบอ้อยขนาด 24,27 แรงม้า โดยขยายระยะห่างระหว่างแถว 1.5 เมตร ใช้รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กติดพ่วงด้วยเครื่องสางใบอ้อย 2. ใช้มอเตอร์ไซค์สางใบอ้อย เหมาะสำหรับแปลงเกษตรกรรายย่อยใช้ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เกษตรกรทั่วไปนิยมปลูก ทั้งนี้การ สางใบอ้อยโดยวิธีต่างๆไม่สามารถกำจัดเศษซากในไร่อ้อยได้ จะต้องมีเครื่องจักรและวิธีการอื่นตามเข้าไปดำเนินการและ 4. แรงงานการตัดอ้อย รัฐควรผ่อนผันให้แรงงานต่างชาติเข้ามาตัดอ้อยได้ง่ายขึ้น ในห้วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาขั้นตอนการปฏิบัติยุ่งยากและค่าใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างสูง
ส่วนการกำจัดใบอ้อยหลังการเก็บเกี่ยวให้มีประสิทธิภาพนั้น มีแนวทางดังนี้ 1.ควรขายส่งโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัด คือ โรงไฟฟ้าในพื้นที่จำนวนน้อย เครื่องจักรที่ใช้จัดการใบอ้อย ยังมีราคาสูง ไม่คุ้มทุนต่อการผลิต เหมาะสำหรับแปลงอ้อยที่อยู่รอบๆลงไฟฟ้าชีวมวลเท่านั้น 2.จัดการใบอ้อยแบบสับลงดิน โดยใช้ผานพรวน โดยทิ้งใบอ้อยไว้ในแปลงให้มีความแห้งกรอบ 1-2 เดือน และอ้อยเริ่มแตกยอด จากนั้นจึงใช้ผานพรวนเข้าจัดการใบอ้อย วิธีที่ 3 จัดการใบอ้อยโดยใช้น้ำหมักยูเรีย (ยูเรีย 25 กก. ผสมน้ำ 200 ลิตร หมักไม่น้อยกว่า 7 วัน) ฉีดพ่นได้ 4-5 ไร่ จะทำให้ใบอ้อยย่อยสลายได้เร็วขึ้น ไถกลบใบง่ายขึ้น
วิธีที่ 4 ใช้เครื่องจักรในการบดใบอ้อยลงในแปลงโดยติดกับรถแทรกเตอร์ ทำให้ไถกลบได้ง่ายขึ้น 5.ส่งเสริมเอกชนที่ผลิตเครื่องจักรกลในการกำจัดเศษซากวัสดุในไร่อ้อย ในลักษณะส่งเสริมการลงทุน คือภาษีมูลค่า เพิ่มเป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรซื้อได้ในราคาไม่แพงส่วน ข้อเสนอแนะสุดท้าย คือการวิจัยและพัฒนา นำใบอ้อยและยอดอ้อยมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางและ/หรือสร้างมูลค่าเพิ่มที่เป็นรูปธรรม.
