เมียวดี - ตามรอย “หลิว จงอี้ ผช.รมว.ความมั่นคงจีน” ลุยปฏิบัติการปราบจีนเทา รัฐฉานลุ่มสามเหลี่ยมทองคำ-รัฐกะเหรี่ยง ยันพญาตองซู ล่าสุดบุกเนปีดอ ย้อนลงแม่สอดข้ามเข้าเมียวดี ขณะที่กองกำลังที่ทรงอิทธิพล-คุมพื้นที่ผลประโยชน์เร่งขยับส่อหนีชะตากรรมเสี่ยงซ้ำรอยทั้งหน่อคำ ทั้งตระกูลใหญ่รัฐฉานตอนเหนือ
ลุ่มสามเหลี่ยมทองคำฝั่งพม่า-เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ตลอดจนพญาตองซู ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ กาญจนบุรี แทบลุกเป็นไฟ เมื่อปรากฏข่าว “ซิงซิง หรือหวังซิง” ดาราหนุ่มจีน ถูกหลอกนั่งเครื่องลงสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนนั่งรถต่อไปที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก แล้วหายตัวไปในฝั่งพม่า ตกอยู่ในมือขบวนการค้ามนุษย์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมืองสแกมเมอร์ชเวก๊กโก ใต้เงากลุ่มจีนเทา
ก่อนที่จะมีกระแสว่ามีการประสานกองกำลังพิทักษ์ชายแดนพม่า (เมียวดี) ช่วยเหลือส่งกลับผ่านไทย ท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่สะพัดว่าปกติแล้วการที่เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์จะหลุดรอดกลับมาได้ต้องจ่ายกันไม่ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ต่อราย
และจากนั้นไม่กี่วันต่อมา “หลิว จงอี้ - ผช.รมว.ความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (สป.จีน) ก็เดินทางเข้าไทย ตระเวนลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด-แม่สาย ตามส่องฐานเครือข่ายจีนเทา/อาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการอาชญากรออนไลน์ นำมาซึ่งปฏิบัติการตัดกระแสไฟฟ้า-ระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง จากไทยเข้าพม่า 5 จุด ไล่ตั้งแต่แม่สาย-แม่สอด-ด่านเจดีย์สามองค์
รวมทั้งมีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับสูงที่เคยวนเวียนประจำการอยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6 มายาวนาน มีบ้านราวกับคฤหาสน์อยู่แม่สอด อย่าง “รองต๊ะ หรือผู้การต๊ะ” ตลอดจนสั่งย้ายผู้การตำรวจตาก-ผกก.โรงพักชายแดนตาก 3 อำเภอ
ขณะที่ฝั่งพม่า โดยเฉพาะเมียวดี ยิ่งระส่ำ..เพราะเคยเกิดคดีตัวอย่างให้เห็นชัดเจนหลัง สป.จีนขยับ ไม่ว่าจะเป็นคดี “หน่อคำ” ที่ก่อเหตุปล้น-ฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพ กลางลำน้ำโขงลุ่มสามเหลี่ยมทองคำ ที่ถูกปฏิบัติการตามกวาดล้างถึงแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ฐานบัญชาการใหญ่จีนเทา เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอก-ทำร้ายชาวจีน ในพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ ที่ถูกทลาย ผู้นำบางตระกูลใหญ่ถูกจับกุมหลายรุ่นชนิดที่ว่าแทบล้างตระกูล แม้บางรุ่นจะหนีไปปักหลักอยู่ต่างประเทศ ยังถูกตามจับส่งดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่
นั่นทำให้บรรดาผู้นำกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐกะเหรี่ยง ที่เปิดพื้นที่รับทุนเทา สร้างเมืองสแกมเมอร์ ทั้งตอนเหนือของเมียวดีอย่างชเวก๊กโก และตอนใต้ของเมือง
กองกำลังพิทักษ์ชายแดนพม่า ใต้สังกัดกองทัพพม่า กลุ่มกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA ที่ทรงอิทธิพล-คุมพื้นที่หัวเมืองเมียวดีเกือบทุกตารางนิ้ว ทยอยส่งชาวต่างชาติที่ตกอยู่ในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ผ่านไทย กลับประเทศต้นทางเป็นระลอก..
“หม่อง ชิตตู่-ผู้นำ BGF” ถึงกับเปิดหน้าประกาศเร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองใหม่จีนเทาชโวก๊กโก เขตอิทธิพลของตัวเอง ให้สิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
อย่างไรก็ตาม..ปฏิบัติการปราบจีนเทาลุ่มสามเหลี่ยมทองคำ-รัฐกะเหรี่ยง-พญาตองซู ของพญามังกร สป.จีน ยังไม่จบ
15 กุมภาพันธ์ 2568 มีรายงานว่า หลิว จงอี้ ผช.รมว.ความมั่นคง สป.จีน ได้เดินทางไปพบรัฐมนตรีพม่าถึงกรุงเนปีดอ จากนั้นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ลงพื้นที่ชายแดนแม่สอดซ้ำ และเดินทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ไปพบผู้นำกองกำลัง BGF และเข้าเยี่ยมกลุ่มชาวจีนที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือ-ปลดปล่อย ออกมาจากชเวก๊กโก พร้อมกับชาวต่างชาติอื่นๆ เช่น มาเลเซีย ปากีสถาน อินเดีย และทวีปแอฟริกา รวมกันกว่า 300 คน
ท่ามกลางกระแสข่าว..จีนจะใช้วิธีการเดิม คือพาชาวจีนที่ได้รับการช่วยเหลือ ขึ้นเครื่องออกจากท่าอากาศยานแม่สอด กลับจีนเอง หลังผ่านขั้นตอนการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM แล้ว คาดว่าจะมีการคัดกรองว่าชาวจีนคนใดเป็นเหยื่อ คนใดเป็นจีนเทาต่อไป ท่ามกลางข่าวที่ว่ายังคงหลงเหลือเหยื่ออยู่อีกหลายหมื่น จนถึงเฉียดแสนคน
ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการยกระดับปฏิบัติการปราบปราม เหมือนกับที่หน่อคำ หรือผู้นำตระกูลใหญ่รัฐฉานตอนเหนือเคยประสบ
เพราะถ้าผู้นำกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐกะเหรี่ยงเหล่านี้ต้องเจอชะตากรรม รัฐบาลทหารพม่า-กองทัพ รวมไปถึงบรรดากองกำลังชนกลุ่มน้อยอื่นๆ นอกเหนือจาก BGF-DKBA..ล้วนมีแต่ได้กับได้