กำแพงเพชร – ตำรวจระดมนักประดาน้ำค้นสระบ้านร้างริมถนนคลองขลุง หาหลักฐานคลี่คดีฆาตกรรมอำพราง 3 พ่อแม่ลูกหมกกระบะ เผยพฤติกรรม “โน้ต” 1 ในผู้ต้องสงสัยที่ถูกเรียกสอบจนรับสารภาพจำนำปืน-ยิง ตีเนียนประกบสื่อแฝงตัวส่องจุดเกิดเหตุตั้งแต่วันพบศพ พูดกับนักข่าวว่า "มันโหด ทำได้ไง" แถมส่งไลน์เบี่ยงประเด็นอีก
ความคืบหน้า คดีฆาตกรรมอำพราง 3 พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร (ใหม่) หงสไกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ นาซึ อายุ 35 ปี ,ด.ช.นัทกร หงสไกร อายุ 7 ปี (น้องซันเดย์) ที่หายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบศพในรถกระบะ จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เมื่อ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยตรวจสอบกล้องวงจรปิด-สืบสวน หาพยานหลักฐาน และเรียกตัวผู้ต้องสงสัยสอบปากคำ กระทั่งคืนที่ผ่านมา 1 ในผู้ต้องสงสัยรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิง 3 พ่อแม่ลูกหมกกระบะ สาเหตุมาจากการจำนำอาวุธปืนนั้น
จนถึงกลางดึกมีรายงานว่า ผู้ร่วมก่อเหตุสะเทือนขวัญมีทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย 1.นายโน๊ต ทำหน้าที่นำปืนไปจำนำกับผู้ตาย และเป็นคนยิง รวมถึงยังเป็นคนส่งข้อความ sms ให้นายโป๊งเหน่ง หรือนายบอล น้องเมียนายวงศกร ผู้เสียชีวิต 2.นายนิรุธ หรือ ยศ ทำหน้าที่ซื้อซิมจากคนงานชาวเมียนมา 3.นายเข้ ทำหน้าที่ ช่วยยกศพและขับมอเตอร์ไซค์นำทางเข้าไปในที่เกิดเหตุ 4.นายชัยณรงค์ ให้ที่พักพิง แก่ นายโน๊ต และเป็นคนเก็บซิมการ์ดเอาไว้ ซึ่งผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนคือ “นายเข้” ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ
และในวันนี้ (15 ก.พ.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะให้ทีมประดาน้ำลงค้นหาในสระหลังบ้านร้าง กว้าง 20 เมตร เพื่อหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายเจษฎา เรื่อศรีจันทร์ อายุ 40 ปี (โป๊ะซ่า) แอดมินเพจ “โป๊ะซ่า เกิดมาคุย” ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวภูมิภาคในกำแพงเพชร เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจมากหลังทราบว่านายโน๊ต ผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำ ได้รับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก และเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงที่ใช้ในการก่อเหตุ
ซึ่งวันที่พบ 3 ศพในที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 13.00 น. ตนได้ขับรถยนต์เข้าไปจอดบนถนนหน้าจุดเกิดเหตุ ก็พบนายโน๊ต ทำทีเดินตามพร้อมทักทายพูดคุยเรื่องการทำข่าวในจุดเกิดเหตุ แถมยังพูดกับผู้สื่อข่าวว่า..มันโหด มันทำได้ยังไง..และวนเวียนอยู่ในจุดเกิดเหตุแฝงตัวกับผู้คนและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก เมื่อผู้สื่อข่าวเดินกลับไปที่รถหลังทำข่าวเสร็จ กำลังจะขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ นายโน๊ตก็เดินตามไปจนถึงรถของผู้สื่อข่าวและถามว่าจะไปไหนต่อ ซึ่งผู้สื่อข่าวตอบว่าเดี๋ยวจะไปโรงพัก ซึ่งก็ยังเอะใจว่านายโน๊ตคือใคร ? ทำไมถึงดูเหมือนรู้จักกับตนแบบนี้
ต่อมาในช่วงเวลา 01.40 น. ของวันที่ 14 ก.พ.68 นายโน๊ตยังส่งข้อความมาใน Line ของผู้สื่อข่าว ลักษณะแจ้งเบาะว่าได้ข้อมูลจาก “นายโป๊งเหน่ง หรือนายบอล” น้องชายเมียผู้ตาย ว่าผู้ตายนำทองคำไปจำนำในตัวเมืองกำแพงเพชร จำนวนกี่บาทไม่แน่ใจ และถามว่ารู้เบาะแสหรือไม่ ? ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่าไม่ทราบข้อมูลนี้ พร้อมแจ้งว่าพรุ่งนี้ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียงหน้ากระดานค้นหาหลักฐานที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด โดยนายโน้ตได้ตอบกลับมาว่าหากตนได้ข้อมูลอะไรจะรีบแจ้งทันที
พอถึงช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.พ.68 เวลา 08.00 น. เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังจุดเกิดเหตุ หลังจอดรถปรากฏว่าพบนายโน๊ต ยืนรออยู่และเดินตามผู้สื่อข่าวไปจนถึงทางเข้าจุดเกิดเหตุ และสอบถามว่าวันนี้จะทำอะไรกันบ้าง ? ซึ่งก็ได้ตอบกลับไปว่าคงจะหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด หลังเสร็จภารกิจผู้สื่อข่าวได้เดินกลับมาที่รถปรากฏว่าในโน๊ตก็เดินตามมาและสอบถามอีกว่าได้อะไรบ้าง ? ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่ายังไม่เจออะไรเลยและขับรถออกไป
จนช่วงบ่าย(14 ก.พ.) ตำรวจได้มีการเรียกตัวนายโน๊ตมาสอบสวนอย่างละเอียดและทราบว่า นายโน๊ตเป็นเจ้าของปืนบีบีกันดัดแปลงและรับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุดังกล่าว นายเจษฎา หรือโป๊ะซ่า ยอมรับว่าตกใจ เพราะนายโน๊ตได้ติดตามในการทำงานของตัวเองมาตลอดสองวันไม่คิดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุและส่งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงให้กับตน ซึ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยในขณะนี้ โดยได้แจ้งข้อมูลไปยังผู้กำกับ สภ. คลองขลุง แล้ว