xs
xsm
sm
md
lg

สาวใหญ่สุดช้ำ! ตกเป็นทาสหนี้นายทุน กู้ 4.6 หมื่นถูกฟ้องเรียก 5.8 แสน ดิ้นรนหาจ่ายจนครบ แต่กลับไม่ยอมคืนโฉนด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - สาวใหญ่วัย 55 หอบหลักฐานบุกร้องทนายอั๋นบุรีรัมย์ ช่วยเหลือหลังตกเป็นทาสหนี้นายทุนเกือบ 20 ปี กู้เงินรายวันผ่านแก๊งทวงหนี้ดอกโหดร้อยละ 20 ต่อวัน รวม 4.6 หมื่น หาเงินจ่ายไม่ได้ถูกนายทุนฟ้องเรียกทั้งต้นและดอกเบี้ย 580,000 ต้องยอมรับสภาพหนี้ ดิ้นรนทำงานรับจ้างหาจ่ายจนครบ แต่กลับไม่ยอมคืนโฉนดให้ อ้างต้องจ่ายดอกเบี้ย ค่าเสียเวลา ค่าทนายเพิ่มอีก ทนายอั๋นเตรียมยื่นอธิบดี DSI ตรวจสอบเส้นเงินนายทุน

วันนี้ (13 ก.พ.) นางเยาวเรศ อายุ 55 ปี ชาวอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ จ.ชลบุรี ต้องยอมหยุดงานหอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ โดยอ้างว่าเมื่อประมาณปี 2549 เคยกู้เงินนอกระบบผ่านแก๊งทวงหนี้ขณะทำงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี รวมยอดเงินต้นจำนวน 46,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน โดยจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเงินต้นไปปิด ตอนแรกก็มีเงินจ่าย แต่ต่อมาหาจ่ายไม่ไหวจึงหยุดแต่ก็จ่ายดอกเบี้ยไปแล้วบางส่วน


จากนั้นนายทุนมีการนัดมาไกล่เกลี่ยทำข้อตกลงกันที่ที่ดินอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ โดยทางนายทุนมีการเรียกทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจากนายเยาวเรศ จำนวน 580,000 บาท โดยจะต้องเอาโฉนดที่ดินมาวางค้ำประกันด้วย ซึ่งนางเยาวเรศก็ได้เซ็นรับสภาพหนี้ดังกล่าว โดยต้องผ่อนชำระทุกเดือนจนกว่าจะครบ จากนั้นก็เดินทางกลับไปทำงานที่ จ.ชลบุรีเพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้ แต่ก็ไม่สามารถจะหาเงินไปชำระได้ตามที่ตกลง

กระทั่งปี 2557 นายทุนได้ฟ้องแพ่งเรียกเงินต้นและดอกเบี้ย รวมจำนวน 580,000 บาท แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าถูกฟ้องเพราะทำงานอยู่ที่ชลบุรี กระทั่งมีหมายบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดบ้านและที่ดินที่พี่สาวอาศัยอยู่ จึงทราบและได้ทำการติดต่อกับนายทุนโดยได้ขอผ่อนชำระยอด 580,000 บาทตามที่ถูกฟ้อง และได้ปิดยอดสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2567 แต่นายทุนกลับไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้ โดยอ้างว่าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกร้อยละ 5 ต่อปี ค่าเสียเวลา ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความให้เพิ่มอีก ซึ่งหากคำนวณแล้วก็น่าจะประมาณ 200,000-300,000 บาท


ป้าเยาวเรศจึงมองว่ามันมากเกินไปและไม่มีความเป็นธรรมกับตนเอง เพราะที่ผ่านมาเงินที่กู้ไป 46,000 บาท ก็ยอมรับสภาพจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยไปแล้วถึง 580,000 บาทก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทุกวันนี้ก็ลำบากดิ้นรนทำงานแทบจะไม่พอกินอยู่แล้ว จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากทนายอั๋น เพราะอยากได้โฉนดที่ดินซึ่งเป็นที่มรดกของพ่อที่ทิ้งไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยคืน และอยากจะขอความเห็นใจจากทางนายทุนด้วย

ด้านทนายอั๋นบุรีรัมย์บอกว่า เริ่มแรกเกิดจากที่ป้าประสบปัญหาทางการเงิน จึงไปกู้เงินนอกระบบ ซึ่งป้าบอกว่ากู้มายอดรวม 46,000 บาท โดยมีผู้ชายคนหนึ่งเป็นคนดำเนินการให้ จากนั้นประมาณ 2 ปีนายทุนคนที่ปล่อยเงินกู้ก็โผล่มาบอกว่าป้าเป็นหนี้ ทั้งต้นและดอกเบี้ย รวมยอด 580,000 บาท และได้เรียกให้ป้ามาตกลงไกล่เกลี่ยกันที่ที่ดินอำเภอกระสัง โดยให้ป้าเซ็นจำนองรับสภาพหนี้ โดยมีโฉนดค้ำประกัน จากนั้นปี 57 นายทุนก็ฟ้องเป็นคดีแพ่งที่ศาล จ.บุรีรัมย์ แต่ป้าก็ยังไม่รู้เรื่องเพราะทำงานที่ต่างจังหวัด มารู้อีกทีก็ตอนที่มีหมายบังคับคดีขายทอดตลาดบ้านและที่ดินแปลงที่นำไปเซ็นค้ำประกันไว้

หลังจากนั้นป้าก็ผ่อนชำระไปเรื่อยกระทั่งสามารถปิดยอดหนี้ 580,000 บาทตามที่นายทุนฟ้องทั้งหมดแล้ว เมื่อเดือน ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา แต่นายทุนบอกว่าไม่ได้ต้องยึดตามคำพิพากษาศาล คือดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมศาลร้อยละ 2 ค่าเสียเวลา และค่าทนายความ ซึ่งคำนวณแล้วก็น่าจะประมาณ 300,000 กว่าบาท ซึ่งแม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้สามารถเรียกได้ แต่ก็อยากจะถามหาความเป็นมนุษย์ของนายทุนคนดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาเขาก็จ่ายไปแล้ว 580,000 บาท ทั้งที่กู้มาแค่ 4 หมื่นกว่าบาท หากมองในเชิงธุรกิจก็ได้กำไรไม่รู้กี่พันเปอร์เซ็นต์แล้ว หรืออาจจะคิดว่าคุณป้าผ่อนชำระมาตลอดแม้จะเดือนละไม่มาก ซึ่งมันจะต่างอะไรกับที่เลี้ยงคุณป้าไว้เป็นทาสหนี้ตลอดชีวิต

กรณีนี้ตนก็จะหาทางช่วยเหลือว่าเป็นการผิดสัญญาหรือไม่อย่างไร เพราะคุณป้าชำระไปครบแล้วแต่ทำไมไม่คืนโฉนด ก็ต้องมาดูกันอีกที หรืออาจจะไปพบอธิบดี DSI และเลขาฯ ปปง. เพื่อตรวจสอบรายชื่อนายทุนคนดังกล่าว เพื่อตรวจสอบเส้นเงินว่ารับโอนจากใครบ้าง ทำอาชีพอะไร



กำลังโหลดความคิดเห็น