เชียงใหม่ - รอง ผบ.ตร.นำกำลัง จนท.ทั้งตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทหาร ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส.ภาค 5 ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในจังหวัดเชียงใหม่และอีกหลายจุดในอีกจังหวัด กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว ยึดทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท ขานรับนโยบาย Seal Stop Safe ของรัฐบาล
วันนี้ (12 ก.พ. 68) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 นายกิติพัฒน์ กะวัง นายอำเภอสันทราย และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น "กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว" เพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่ายตามหมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้อง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 66 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมไอซ์ 999 กิโลกรัม และเคตามีน 1,200 กิโลกรัม บริเวณท่าเทียบเรือ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 67 จับกุมผู้ต้องหา 10 ราย พร้อมไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ในพื้นที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และขยายผลจนทราบถึงกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งลำเสียงยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มที่ถูกจับกุม จึงได้เฝ้าสืบสวนพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 68 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางไอซ์ จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม จากการสืบสวนขยายผลมีผู้ร่วมลำเลียงยาเสพติดกับผู้ต้องหาและยังไม่ถูกจับกุม โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการว่าจ้างและขับรถนำทางคุ้มกันการลำเสียงยาเสพติด และจากการตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวพบว่าจะให้เครือญาติถือครองทรัพย์สินแทน และจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหายังได้นำเงินจากการลำเลียงยาเสพติดไปฟอกเงินในธุรกิจประเภทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยให้เครือญาติเป็นนอมินี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ 9 หมายจับ และเปิดปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 20 จุด ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และหนองคาย
สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 ได้สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่เข้าร่วมปฏิบัติการตรวจยึดทรัพย์สิน 4 จุด ในพื้นที่อำเภอสะเมิง อำเภอดอยสะเก็ด และอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้ 9 รายการ ประกอบด้วย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 6.4 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีอาคารพาณิชย์ 2 คูหา รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และรถยนต์อีก 3 คัน รวมมูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมตรวจยึดประมาณ 17.4 ล้านบาท ซึ่งจะมีการประสาน บก.ปส.3 บช.ปส. เพื่อเสนอเลขาธิการ ป.ป.ส.ออกคำสั่งตรวจสอบและยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ต่อไป
ด้านผลการปฏิบัติการตรวจยึดทรัพย์สินทั้งหมด สามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้จำนวนทั้งสิ้น 45 รายการ ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ที่ดิน 18 แปลง มูลค่าประมาณ 54 ล้านบาท สวนลำไย 70 ไร่ 1 แปลง มูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท รถยนต์ 11 คัน มูลค่าประมาณ 6.6 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ประมาณ 118,300,000 บาท
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานจะได้ประสานการปฏิบัติร่วมกันภายใต้แผน SEAL STOP SAFE ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ ทั้งการลาดตระเวนสกัดกั้นตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังบุคคลที่มีพฤติการณ์ในพื้นที่ชายแดน การขยายผลกลุ่มเครือข่ายที่อยู่พื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องให้สิ้นซากตามข้อสั่งการและนโยบายของรัฐบาล