อุทัยธานี – “นายกเผด็จ” โต้เดือด-ท้าคนร้องเปิดหน้า หลังบุกห้องผู้ว่าฯตามจี้เรื่องร้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันถูก ปปช.ชี้มูลคดีฮั้วประมูลตามกฎหมายเก่า ศาลยกฟ้อง-อยู่ระหว่างอุทธรณ์ แถมคนร้องเคยขอโทษ/จ่ายเยียวยาคาศาลมาแล้ว ลั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต ท้าเห็นทำผิดแจ้งความได้เลย
กรณีนายเอ (นามสมมุติ) ได้เข้ายื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี เพื่อขอพบตัวผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเรียกร้องให้นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลัง ปปช.ได้มีการชี้มูลความผิด ซึ่งแม้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง และคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่นายเอเห็นว่า นายเผด็จควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
ผู้ร้องเรียนนั้นได้ให้ข้อมูลว่า นายเผด็จได้รับหนังสือสั่งการจากจังหวัด แต่ไม่รายงานหรือหยุดปฏิบัติหน้าที่ กลับยังปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.อุทัยธานี จึงขอให้ผู้ว่าฯอุทัยธานี สั่งให้นายเผด็จพ้นจากตำแหน่ง และจะเดินทางไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลางด้วย
วันนี้(12 ก.พ.) นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกอบจ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณสื่อที่เปิดช่องทางให้ได้ชี้แจง ซึ่งตนดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.อุทัยธานี มาตั้งแต่พ.ศ 2547-2548 ได้มีการร้องเรียนในเรื่องของการฮั้วประมูลเกิดขึ้นจนต่อเนื่องมา เป็นเรื่องตามกฎหมาย พ.ร.บ.ปปช.ปี พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นกฎหมายเก่า
ซึ่งกฎหมายของ ปปช.จะมีด้วยกัน 2 ตัว คือปีพ.ศ 2542 จะเป็นกฎหมายเก่า และปีพ.ศ 2561 เป็นกฎหมายใหม่ กรณีดังกล่าวมีการชี้มูลตนตามข้อกฎหมายเก่า เมื่อประมาณ ปี พ.ศ 2559 ก่อนสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นการสั่งฟ้องตนเองตามกฎหมายเก่า กรณีข้ามวาระสมัย ทางปปช.ไม่ได้มีการขอให้ตนเองหยุดดำเนินหน้าที่
พอมาปี พ.ศ 2565 ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง หมายถึงว่าตนไม่ได้มีความผิดในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเมื่อได้มีการยกฟ้องแล้ว ทางปปช.ได้มีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งในการอุทธรณ์ของปปช.นั้น ก็ไม่ได้มีการขอให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด และพอมาถึงปี พ.ศ 2567 ตนได้มาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.อุทัยธานี อีกสมัย ซึ่งก็ผ่านคุณสมบัติของทาง กกต.ด้วย
“ตอนนั้นก็ได้มีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติของตนมาเหมือนกัน แต่ก็ผ่านทางกกต.กลางมาแล้วด้วยเช่นกัน กระทั่งตนได้กลับมาดำรงตำแหน่ง เป็นนายก อบจ. อีกสมัย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ปี 2567 และรับรองเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา”
หลังจาก กกต.รับรองแล้ว ตนก็ได้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แถลงนโยบายต่อสภาฯ และปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เมื่อศาลยกฟ้องแล้ว ตนเองก็ถือว่าไม่มีความผิด ถึงแม้ว่าทางคดีจะยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากปปช.ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ก็ไม่ได้มีการขอให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้กล่าวไว้เมื่อข้างต้น
“ตามหลักแล้วถือว่าตนยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ยังไม่มีความผิด ยังไม่ได้มีความผิดในเรื่องใดเกิดขึ้น และทางผู้ว่าฯ ก็ไม่ได้มีหนังสืออะไรส่งมาให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด เมื่อพี่น้องประชาชนเลือกมา ตนก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับต่อไป ยืนยันว่าตนปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตโปร่งใส หากเห็นว่าตนกระทำผิดตรงไหนสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เลยทันที”
นายเผด็จ ย้ำว่า อยากให้คนที่ร้องเปิดหน้าออกมาพูดเลยว่าเป็นใคร มาเจอกันก็ได้ รวมไปถึงทุกสื่อทุกช่อง ตนยินดีที่จะให้ข้อมูลเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ได้รับทราบว่าเป็นเช่นไร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนได้รับความเสียหายด้วยเหมือนกัน ซึ่งหลังจากที่ได้มีคำพิพากษายกฟ้องออกมาแล้ว ตนก็ฟ้องกลับผู้ร้องเรียน เมื่อปีพ.ศ 2547-2548 ซึ่งตอนนั้น ผู้ที่ร้องเรียนก็ได้มีการขอขมาตนในศาลที่จังหวัดพิษณุโลก และจ่ายเงินเยียวยามาแล้วด้วย”