xs
xsm
sm
md
lg

แกะรอย ‘หม่อง ชิตตู่-ซอ ซิตตู่’กะเหรี่ยงเทาแห่งลุ่มน้ำเมยเมียวดี หนึ่งในเป้าหมายจับดีเอสไอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดประวัติ "หม่อง ชิตตู่" หุ้นส่วนคนสำคัญในการลงทุนสร้างเมืองสแกมเมอร์ ชเวโก๊กโก่ KKpark และพื้นที่อื่นๆร่วมกับกลุ่มนายทุนจีนเทา ที่ทางการไทยได้ออกหมายจับ


ซอชิตตู่ หรือที่รู้จักกันว่า หม่องชิตตู ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังกะเหรี่ยง KNA(ชื่อใหม่) หรือ BGF(ชื่อเดิม) เดิมเคยเป็นทหารในกองทัพ KNU หรือกองทัพของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง มีเป้าหมายคือปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง ต้องการเขตปกครองตัวเองอย่างอิสระ สู้รบกับกองทัพเมียนมามาโดยตลอด มีการทำงานในเชิงการเมืองและมีกองกำลังติดอาวุธของตัวเอง โดย "ชิต ตู่" เป็นคนชนชาติกะเหรี่ยงที่ร่วมกับ KNU มาก่อน

เคยเป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 999 ของกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) ซึ่งแยกตัวออกมาจากกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) เมื่อปี 2537 และทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับกองทัพเมียนมา ซึ่งขณะนั้นปกครองด้วยรัฐบาลทหาร โดย DKBA จะช่วยกองทัพเมียนมาต่อสู้กับกลุ่ม KNU แลกกับการได้รับการสนับสนุนด้านการเงินและการทหาร

กระทั่งในปี 2553 ซึ่งเป็นช่วงปลายของยุครัฐบาลทหาร หม่องชิตตู่ รับข้อเสนอของกองทัพพม่า ตั้งกองกำลัง BGF : Border Guard Force แยกตัวเองออกมาจากกลุ่ม DKBA รับเงินเดือนและสวัสดิการจากกองทัพพม่า มีหน้าที่ควบคุมความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน และจากนั้นกลุ่ม DKBA ได้เข้าร่วมกับกองทัพของเมียนมาอย่างเป็นทางการ ในนามกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) และปกครองพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงมาอย่างต่อเนื่องตลอดยุคที่เมียนมามีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง (ปี 2553 – 2564) จนถึงยุคที่เมียนมากลับสู่การปกครองแบบเผด็จการทหารอีกครั้ง

เมื่อกองทัพเมียนมา นำโดย พลเอกอาวุโส มินอ่องหล่าย ทำรัฐประหารในวันที่ 1 ก.พ. 2564 อย่างไรก็ตาม ในเดือน ม.ค. 2567 ได้ประกาศแยกตัวจากฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมา และในเดือน มี.ค. ปีเดียวกัน ได้ประกาศตั้งชื่อกลุ่มใหม่ คือ KNA


ในปี 2561 กัมพูชากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสีหนุวิล ทำให้ “เสอจื้อเจียง” เจ้าพ่อจีนเทาย้ายฐาน และร่วมกับ “หม่องชิตตู่” ลงทุนสร้างเมือง “ชเวโก๊กโก่” ในพื้นที่ตอนเหนือของเมืองเมียวดี จากนั้นไม่นานก็สร้างเมือง “KKPark” เมืองสีเทาอีกแห่งฝั่งทิศใต้ของเมียวดี กับ “ไอ้ฟันหลอ” เจ้าพ่อขบวนการอาชญากรรมใต้ดิน 14K อาชญากรระดับโลกที่ขึ้นบัญชีดำในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

ชื่อของ หม่องชิตตู ได้รับความสนใจจากประชาคมโลก เนื่องจากถูกมองว่าให้การสนับสนุนองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีนายทุนชาวจีนเป็นผู้นำ ก่อตั้งธุรกิจสีเทาอย่างบ่อนการพนันออนไลน์ ไปจนถึงสีดำอย่างการหลอกลวงทางออนไลน์โดยอาศัยแรงงานบังคับจากการล่อลวงคนทั่วโลก โดยมีการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องงานรายได้ดีในประเทศไทย เมื่อเหยื่อหลงเชื่อเดินทางมายังไทยก็จะถูกพาข้ามชายแดนไปยังเมืองเมียวดี โดยเฉพาะในเขต “ชเวโก๊กโก่ (Shwe Kokko)” และ “เคเค ปาร์ค (KK Park)” ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือและทางใต้ ตามลำดับ ของเมียวดี

วันที่ 8 ธ.ค. 2566 ซอชิตตู ถูกทางการอังกฤษคว่ำบาตร พร้อมกับ เสอจื้อเจียง (She Zhijiang) เจ้าพ่อธุรกิจการพนัน ซึ่งลงทุนในโครงการชเวโก๊กโก่ ย่านเมืองใหม่ในเมียวดี โดย เสอ ถูกจับกุมที่ประเทศไทย เมื่อปี 2565 ตามหมายจับของตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งทางการจีนร้องขอให้ออกหมายจับในข้อหาข้อหาประกอบกิจการการพนันผิดกฎหมายและการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม ปัจจุบันถูกควบคุมตัวในเรือนจำของไทย ซึ่งเจ้าตัวพยายามร้องขอว่าอย่าส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน

ตามข้อมูลของทางการอังกฤษ ระบุสาเหตุการคว่ำบาตร ซอชิตตู่ ว่า ในฐานะเลขาธิการและที่ปรึกษาอาวุโสของกองกำลังป้องกันชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) และนักลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ มีหน้าที่รับผิดชอบ ให้การสนับสนุน หรือได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ไปยัง เขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถูกบังคับให้ทำงานเป็นนักต้มตุ๋นและถูกปฏิบัติหรือลงโทษอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรี


ด้าน เสอจื้อเจียง รายงานอธิบายว่า เป็นผู้รับผิดชอบ ให้การสนับสนุน หรือได้รับผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ไปยัง เคเค ปาร์ค หรือ ชเวโก๊กโก่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถูกบังคับให้ทำงานเป็นนักต้มตุ๋นที่มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่พูดภาษาอังกฤษ และถูกทรมาน ทารุณกรรมทางร่างกาย และถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรี
ในเดือน ม.ค. 2568 หลังเกิดก็กรณี “ซิงซิง” หรือ หวังซิง (Wang Xing) นักแสดงหนุ่มชาวจีน ถูกล่อลวงมายังประเทศไทยโดยอ้างว่าให้มาถ่ายทำภาพยนตร์ ก่อนถูกพาข้ามแดนไปยังเมืองเมียวดีของเมียนมา จุดกระแสเรียกร้องของชาวจีนต่อรัฐบาลของตน ให้ปราบปรามกลุ่มแก๊งเหล่านี้และช่วยเหลือญาติพี่น้องที่เป็นพลเมืองจีนคนอื่นๆ ซึ่งถูกบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกมาด้วย

ขณะที่ประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งทางตรง คือมีชาวไทยตกเป็นเหยื่อสูญเงินจำนวนมากจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทางอ้อมจากการถูกใช้เป็นทางผ่านในการนำพาเหยื่อค้ามนุษย์ข้ามชายแดน ทำให้เกิดข่าวลือว่าเป็นสถานที่อันตรายโดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน จนมีจำนวนไม่น้อยตัดสินใจยกเลิกหรือลังเลที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ที่สุดแล้วในการประชุมสภาความมั่นคง (สมช.) ช่วงเย็นวันที่ 4 ก.พ. 2568 จึงมีมติให้ตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และห้ามขายน้ำมันที่ส่งจากประเทศไทย ไปในพื้นที่ต่างๆ ของเมียนมา รวม 5 จุด รวมถึงในเมืองเมียวดี






กำลังโหลดความคิดเห็น