ชายแดนไทย/เมียนมา – องค์กรเครือข่ายช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ ชงรัฐเร่งช่วยหลังตัดไฟฟ้า-ระงับส่งน้ำมันข้ามแดนเข้าท่าขี้เหล็ก-เมียวดี-พญาตองซู เผยยังมีเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหลืออีกหลายพัน เฉพาะพื้นที่อิทธิพลกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ตกค้างไม่ต่ำกว่าครึ่งหมื่น เกือบทั้งหมดเป็นชาวจีน
เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ แจ้งว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายฯ ได้ส่งหนังสือไปถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความช่วยเหลือต่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวนประมาณ 6,500 ราย จาก 24 ประเทศ อีกครั้ง
หลังจากเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2567 เครือข่ายฯ เคยส่งหนังสือขอให้ช่วยเหลือเหยื่อจำนวน 110 ราย จาก 9 ประเทศ ที่อยู่ในเขตของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA) และกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ในประเทศเมียนมา นานกว่า 3 เดือนมาแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าในการช่วยเหลือ
ดังนั้นจึงมีการยื่นหนังสือครั้งใหม่ดังกล่าว เพราะจำนวนผู้เสียหายได้เพิ่มขึ้นมาอีกกลายเป็นกว่า 6,500 ราย จาก 24 ประเทศ โดยอยู่ในเขตของ DKBA ประมาณ 5,000 รายและเป็นพลเมืองชาวจีนมากถึง 4,500 ราย
เครือข่ายฯ แจ้งอีกว่าเหยื่อส่วนใหญ่หลงเชื่อจากการดูโซเชียลมีเดีย แล้วเดินทางผ่านประเทศไทยโดยมีนายหน้าพาเดินทางไปส่งที่ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อข้ามฝั่งไปแล้วส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งหลอกลวงออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือนายหวังซิง หรือ ซิงซิง ดาราหนุ่มชาวจีนที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว
แต่คนที่เหลืออีกหลายพันคนยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ แม้ญาติๆ จะแจ้งต่อสถานทูตหรือรัฐบาลเมียนมา รวมถึงแจ้งต่อกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยตรง ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ดังนั้นญาติๆ จึงประสานมายังเครือข่ายฯ ซึ่งเคยมีบทบาทในการช่วยเหลือคนไทยมาจากรัฐฉานเหนือโดยเฉพาะเมืองเล่าก์ก่ายของเขตโกกั้งในปี 2566-2567 และชาวโมม็อคโค 20 คนในเขตกะเหรี่ยง DKBA ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ห้วงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี เครือข่ายฯพยายามประสานงานช่วยเหลือแต่ไม่ความคืบหน้า เหยื่อจึงถูกทารุณ บางคนลุกเดินไม่ไหว บางคนถูกบังคับให้ทำแท้ง ถูกเรียกค่าไถ่หลายแสนบาทเพื่อแลกกับอิสรภาพ หรือให้ล่อลวงคนใหม่มา 5 คน มีการช็อตด้วยไฟฟ้า เฆี่ยนตี อดอาหาร ฯลฯ