ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตร.ศรีราชา จ่อออกหมายเรียกเจ้าของร้านขายรองเท้าห้างดังรับทราบข้อกล่าวหลังทำร้ายลูกค้าลองรองเท้าไม่ซื้อ ขณะสาวผู้เสียหายยันไม่ได้เข้าไปลองรองเท้าเล่นๆ ตั้งใจซื้อจริงแต่ไม่มีไซส์จึงพาลูกเดินออกจากร้าน
จากกรณีมีผู้ใช้ติ๊กต็อก ที่ชื่อหม่าม๊าพลอยของเด็ก 3 คน ได้โพสต์คลิปภาพวินาทีขณะเจ้าของร้านขายร้องเท้าภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่พุ่งเข้าตบหน้าหญิงสาวรายหนึ่ง ก่อนที่แฟนหนุ่มของหญิงสาวจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ จนถูกเจ้าของร้านรองเท้าปัดโทรศัพท์ทิ้ง จากนั้นจึงเกิดการชกต่อยขึ้น
ภายหลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ทำให้ชาวเน็ตพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเจ้าของร้านรองเท้าดังกล่าวอย่างหนักนั้น
ล่าสุด วันนี้ (6 ก.พ.) น.ส.ตวงรัตน์ และนายโชติพัฒน์ สองสามีภรรยาซึ่งอยู่ในคลิปภาพได้ออกมายืนยันกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนและลูกไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปป่วนลองรองเท้าเล่นภายในร้านตามที่แฟนสาวของเจ้าของร้านรองเท้ากล่าวหา แต่เนื่องจากรองเท้าที่ลองไม่มีไซส์ที่ลูกน้อยสามารถใส่ได้ เนื่องจากลูกชายของตนใส่รองไซส์ 21 ขณะที่รองเท้าของทางร้านมีแค่ไซส์ 20 และ 22 เท่านั้น และยืนยันว่าตั้งใจจะซื้อรองเท้าคู่แรกให้ลูกน้อยจริง
“ซึ่งในครั้งแรกที่ถูกต่อว่าเราก็คิดในใจแล้วว่าถ้ารองเท้าเลอะจะเดินไปจ่ายตังค์ให้ แต่สุดท้ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ขวัญเสีย จึงบอกให้สามีช่วยถ่ายคลิปให้ จากนั้นพ่อค้ารองเท้าได้ใช้มือตบเข้าที่โทรศัพท์มือถือจนถูกหน้าสามี และเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ไม่สมควรจะเกิดขึ้นเพราะสามีอุ้มลูกคนเล็กอยู่ และเมื่อเกิดเหตุลูกทั้ง 3 คนก็พากันร้องไห้ด้วยความตกใจ”
น.ส.ตวงรัตน์ ยังบอกอีกว่าขณะนี้ตนและสามีได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ไว้แล้ว และจะไม่มีการยอมความใดๆ เพราะต้องการให้เป็นบทเรียนกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลูกขวัญเสียกระทั่งตกดึกยังร้องไห้อยู่ ส่วนสามีได้รับบาดเจ็บที่แขนเนื่องจากถูกของแข็งฟาด
และจากการลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวพบว่าร้านรองเท้าดังกล่าวยังคงปิดอยู่ และได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างว่า ผู้ขายรองเท้าเป็นผู้ขายรายวัน และหลังเกิดเหตุไม่กลับเข้ามาที่ห้างอีกเลย
ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ทราบว่าหลังจากนี้เตรียมที่จะออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบสวน ก่อนแจ้งให้รับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
