xs
xsm
sm
md
lg

ชาวลำพูนขึ้นป้ายหรา ฟาร์มกัญชากลางหมู่บ้านส่งกลิ่นคลุ้งทั้งปี เด็กเลือดกำเดาไหล-ผื่นขึ้นทั้งตัว-เวียนหัวตลอดวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลำพูน - ชาวสันมะกรูด เมืองลำพูน เดือดร้อนหนัก..เพื่อนบ้านผุดฟาร์มกัญชากลางหมู่บ้าน วนลูปปลูกเป็นรุ่น-ส่งกลิ่นรบกวนนาน 2 ปี จนเด็กบ้านอยู่ใกล้แปลงปลูกเลือดกำเดาไหลตลอดที่ได้กลิ่น บางรายผดผื่นขึ้นทั่วตัว ผู้ใหญ่เวียนศีรษะตลอดวัน ร้องเทศบาลฯ แต่เจ้าของยืนยันจะปลูกต่อ ไม่ยอมย้าย ขอดูใบรับรองแพทย์ยืนยันเด็กแพ้กลิ่นกัญชาซ้ำ


ชาวบ้านสันมะกรูด ต.บ้านแป้น อ.เมืองลำพูน ต้องขึ้นป้ายร้องทุกข์ติดตามรั้วบ้านของตนเองที่อาศัยอยู่ใกล้กับฟาร์มปลูกกัญชาขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่นับ 10 ไร่ของเพื่อนบ้านรายหนึ่งที่อยู่กลางหมู่บ้าน ได้รับผลกระทบจากกลิ่นของกัญชามานานกว่า 2 ปี

ชาวบ้านเล่าว่ากัญชาในแปลงปลูกดังกล่าวส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วรัศมี 1 กิโลเมตร โดยเฉพาะช่วงที่ต้นกัญชาออกช่อดอกระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งเจ้าของฟาร์มกัญชาได้ปลูกเป็นรุ่นๆ แต่ละรุ่นใช้เวลาปลูกประมาณ 2 เดือนทำให้เหม็นกลิ่นกัญชาแทบทุกวัน ต้องปิดประตูอาศัยอยู่ในบ้าน ถ้าหากมาทำธุระข้างนอกต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ก็ป้องกันกลิ่นได้ไม่มาก

ขณะที่บางรายเหม็นกลิ่นกัญชา จนนอนไม่หลับต้องหายานอนหลับมากินจนเกิดความเครียด บางรายมีอาการแพ้ เจ็บคอ จนกลายเป็นโรคภูมิแพ้ เกิดผดผื่นคันตามลำตัว และคอแห้งวิงเวียนศีรษะคล้ายคนเมากัญชา นอกจากนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ฟาร์มกัญชานำรูปภาพเด็กชายอายุ 4 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ เกิดอาการแพ้กัญชาจนเลือดกำเดาไหลจนเลอะกระดาษทิชชู ส่วนเยาวชนอายุ 18 ปี รายหนึ่งชาวบ้านคาดว่าแพ้กัญชาจนทำให้ผื่นขึ้นตามลำตัว

ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า จากการสืบค้นข้อมูล พ.ร.บ.สมุนไพรควบคุม (กัญชา) ทราบว่าการปลูกกัญชาต้องได้รับอนุญาตจากกรมแพทย์แผนไทย เมื่อผู้ยื่นได้รับอนุญาตแล้วแต่กลับไม่มีรายละเอียดของพื้นที่ปลูกให้อยู่ห่างจากชุมชนมากน้อยแค่ไหนและผลกระทบจากกลิ่น ซึ่งหากเป็นกลิ่นเหม็นจากฟาร์มเลี้ยงหมูก็สามารถใช้เทคโนโลยีไปแก้ไขได้ แต่กลิ่นเหม็นจากกัญชาไม่สามารถแก้ไขได้ต้องปลูกให้ห่างจากชุมชน เนื่องจากอาจจะมีคนที่แพ้กัญชาอย่างรุนแรงจนอันตรายถึงชีวิตได้

ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาจากฟาร์มปลูกกัญชาดังกล่าวได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อเทศบาลตำบลท่าเชียงทอง ซึ่งได้มีการเรียกเจ้าของฟาร์มกัญชามาพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นของกัญชาในฟาร์มดังกล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา


ซึ่งเจ้าของยังยืนยันจะปลูกกัญชา ขอให้ชาวบ้านอดทน และไม่ยอมย้ายแปลงปลูกให้ห่างจากชุมชนโดยให้เหตุผลว่าได้ลงทุนไปมาก ส่วนกรณีที่ย้ายไปปลูกกัญชาบนที่ดินอีกแปลงหนึ่งทางเจ้าของอ้างว่าจุดนั้นไฟฟ้าเข้าไม่ถึงต้องลากสายไฟฟ้าเข้าไปอีก 500 เมตร และยังทำเรื่องขอไม่ได้

ส่วนกรณีที่ชาวบ้านอ้างว่าเด็กเล็กที่แพ้กัญชาจนป่วยเลือดกำเดาไหล และไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลให้ชาวบ้านเอาใบรับรองแพทย์มายืนยันระบุว่าเลือดกำเดาไหลมีสาเหตุมาจากแพ้กลิ่นกัญชา จนทำให้มีการถกเถียงกันทั้งสองฝ่ายจนหาข้อสรุปไม่ได้

ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาเล่าอีกว่า ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาที่แปลงปลูกของเพื่อนบ้านมานานนับปี เคยยื่นหนังสือไปที่ศูนย์ดำรงธรรมผ่านไป 1 ปีก็ไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังเทศบาลตำบลท่าเชียงทอง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา

คนที่อาศัยอยู่รอบๆ แปลงปลูกกัญชาได้รับความเดือดร้อนเรื่องกลิ่น ผู้สูงอายุหายใจติดขัด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ที่สำคัญคือเด็กเล็กแม้แต่ผู้ใหญ่ก็มีเลือดกำเดาไหล และนอนไม่หลับเนื่องจากเหม็นกลิ่นกัญชา ซึ่งชาวบ้านได้แก้ไขปัญหาเบื้องต้นคือปิดประตูหน้าต่างเปิดเครื่องปรับอากาศแต่ก็ไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีการปิดประตูหน้าต่างก็ไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้ ทำให้มีอาการนอนไม่หลับ คอแห้ง ปวดศีรษะต้องกินยาตลอด ส่วนลูกสาวของตนอายุ 7 ขวบ จะมีเลือดกำเดาไหลตลอด อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งอาการเริ่มต้นจะแสบจมูก มีน้ำมูกหลังจากนั้นก็จะมีเลือดเป็นลิ่มออกมา

ซึ่งปกติลูกตนเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพเลย แต่พอช่วงที่ต้นกัญชาในแปลงปลูกเริ่มออกช่อดอกลูกสาวตนจะมีอาการอย่างนี้ตลอด ระยะเวลาที่กัญชาจะส่งกลิ่นรบกวนประมาณ 3 อาทิตย์ต่อการปลูกกัญชา 1 ล็อต แต่เจ้าของก็จะปลูกมาเป็นรุ่นๆ ต่อๆ กันไปเรื่อย ๆ ก็จะวนลูปแบบนี้ตลอดทั้งปี

ชาวบ้านกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ให้โอกาสผู้ประกอบการระยะเวลานานนับปีแล้ว ประเด็นที่ชาวบ้านขอให้ผู้ประกอบการแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นกัญชา ได้มีการนำผ้าสแลนมาล้อมโรงเรือนปลูกกัญชา ซึ่งไม่สามารถกันกลิ่นกัญชาได้

ต่อมาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นกัญชาจากฟาร์มปลูกกัญชาได้เดินทางไปที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ลำพูน ยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีดังกล่าว นายธนวรรธน์ จันตัน นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สำนักงานสาธารณสุข เป็นตัวแทนรับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้าน และเปิดเผยว่ากฎหมายการจำหน่ายสมุนไพรควบคุมอย่างกัญชา ไม่ได้ระบุครอบคลุมกลิ่น


พ.ร.บ.สมุนไพรควบคุม (กัญชา) ระบุในเรื่องเงื่อนไขหลังได้รับการอนุญาตให้ปลูกคือ เรื่องของการส่งรายงาน ไม่โฆษณา ไม่จำหน่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร นิสิตนักเรียน นักศึกษา ห้ามสูบเพื่อการสันทนาการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการจำหน่าย

ซึ่งเท่าที่ฟังชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้รายละเอียดผู้ประกอบการไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขในการจำหน่าย แต่ผิดในเรื่องของการส่งกลิ่นรบกวนชาวบ้าน ผิดในเรื่อง พ.ร.บ.สาธารณสุข ซึ่งมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่อยู่ แต่ทางสาธารณสุขก็ไม่ได้ละเลย จะประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ให้แก้ไขปัญหาและนำเรียนนายแพทย์สาธารณสุขให้ทราบเรื่องของเหตุสร้างความรำคาญและเรื่องผลกระทบคนในพื้นที่จากกลิ่นจนชาวบ้านทนไม่ไหวก็ต้องมีการดำเนินการให้เด็ดขาดมากกว่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น