อุบลราชธานี - ครูอ๊อฟ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่พ่ายแพ้ไปเพียงพันกว่าคะแนน ลงชิงชัยนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานีในนามอิสระ แข่งกับนายกสิ่ว น.ส.พิศทยา นายกคนเดิมที่ชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระในอีกไม่กี่สิบวัน
บรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ที่สำนักงานเทศบาลนครอุบลราชธานี สำนักงานตลาดใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี นายวิศรุต สวัสดิ์วร หรือครูอ๊อฟ พร้อมผู้สนับสนุนได้เข้ากราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเทศบาลนครอุบลราชธานี ก่อนเข้ายื่นใบสมัครได้หมายเลข 2 ในนามผู้สมัครอิสระ หลังได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครก็เดินหาเสียงกับพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดใหญ่ทันที
นายวิศรุตกล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานีเพราะต้องการสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับเมือง ทำให้เมืองได้เติบโตยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพการเรียนการศึกษาของบุตรหลานของคนในเมืองให้ดีกว่าเดิม โดยเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ จึงขอให้มั่นใจ เพราะเราเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
สำหรับประวัตินายวิศรุตนั้น อดีตเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคก้าวไกล ซึ่งได้คะแนนเข้ามาเป็นอันดับที่ 2 กว่า 30,000 คะแนน โดยแพ้แก่นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ พรรคเพื่อไทย เพียงพันกว่าคะแนนในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 และได้หันมาลงเล่นสนามการเมืองระดับท้องถิ่นในวันนี้
นั่นเท่ากับว่าการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ขณะนี้มีผู้สมัคร 2 คน คือ น.ส.พิศทยา หรือสิ่ว ไชยสงคราม ลูกสะใภ้นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ซึ่งได้ชิงลาอิกก่อนถึงวันครบการดำรงตำแหน่งในเดือนมีนาคมที่จะถึง ได้หมายเลข 1 ทำให้นายวิทวัส พันธ์นิกุล ซึ่งถูกพรรคประชาชนวางตัวเป็นผู้สมัครที่จะมาแข่งขัน ทำนโยบายใช้หาเสียงไม่ทัน ทำให้พรรคตัดสินไม่ส่งลงแข่งขันสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ส่งผลให้นายวิศรุต ซึ่งเคยลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 ตัดสินใจลงมาสมัครแทนในนามอิสระ
การแข่งขันครั้งนี้ เบื้องต้นนายวิศรุตยังเป็นรอง น.ส.พิศทยา อดีตนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานีคนเก่า เพราะก่อนหมดวาระ น.ส.พิศทยามีการทิ้งทวนสร้างผลงานทำถนนลาดยางใหม่ทั่วทั้งเมือง ซึ่งถือเป็นจุดขายที่น่าสนใจในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้
นอกจากนี้ น.ส.พิศทยายังมีสมาชิกสภาเทศบาลที่เป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งยังไม่หมดวาระคอยให้การสนับสนุนหาเสียงให้ตามเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั้ง 24 เขต ทำให้นายวิศรุตต้องออกแรงขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ค่อนข้างหนักกว่าคู่แข่ง เพราะเป็นคนหน้าใหม่ที่ลงแข่งขัน
สำหรับเทศบาลนครอุบลราชธานีมีหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 103 หน่วย มีจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนกว่า 52,951 คน