พิจิตร - งานนมัสการหลวงพ่อเพชร-ไหลเรือไฟ/สมโภชเมืองพิจิตร ส่อเป็นเรื่อง..คนจัดโร่ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ หลังทุ่มงบวัด-เงินอุดหนุนจากรัฐจัดงาน 11 วัน 11 คืน รวมนับสิบล้าน เจอมาเฟียข้างวัดฮุบถนนสาธารณะจัดล็อกเก็บค่าเช่าตัดหน้าแผงละ 3,000-10,000 บาท
นายอำนาจ รวยสูงเนิน อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/75 ถนนคลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร นำหลักฐานซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง ให้เป็นผู้จัดงานนมัสการหลวงพ่อเพชรและสมโภชเมืองพิจิตร “ไหลเรือไฟ” ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 21-31 มกราคม 2568 รวมระยะเวลา 11 วัน 11 คืน ได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองพิจิตร
โดยระบุว่าได้รับการอนุญาตให้จัดงานดังกล่าว โดยมีกิจกรรมทางศาสนาทอดผ้าป่า ถวายสังฆทาน ตักไข่ชาละวันและกิจกรรมงานบุญต่างๆ รวมถึงจัดการรำถวายบูชาหลวงพ่อเพชรในพิธีเปิดงาน ซึ่งต้องใช้ผู้ร่วมขบวนแห่นับพันคน รวมถึงจัดการแสดงบนเวทีและมหรสพ ศิลปิน คอนเสิร์ต ลิเก และการละเล่นต่างๆ ที่ทำเป็นเวทีกลางน้ำขนาดใหญ่ริมแม่น้ำน่านหน้าวัดท่าหลวง พระอารามหลวง การไหลเรือไฟ ฯลฯ ด้วย
ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เงินอุดหนุนของทางราชการรวมถึงเงินทำบุญของญาติโยมในการจัดงานในครั้งนี้เกือบ 10 ล้านบาท โดยให้จัดหารายได้จากการเปิดพื้นที่ให้คาราวานร้านค้าของใช้ของกินร้านดังจากติ๊กต็อกให้มาเช่าล็อก เช่าแผง เพื่อนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานที่เป็นงานประเพณีแบบนี้มายาวนานหลายสิบปีแล้ว
แต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลอ้างตัวอ้างสิทธิ์ว่าเป็นผู้มีสิทธิ์บนถนนทางเข้าวัดท่าหลวง ซึ่งเป็นที่จัดงานจัดล็อกให้ร้านค้าตั้งขายของบนถนนสาธารณะ จากนั้นก็เดินเก็บค่าเช่าล็อกค่าเช่าแผง แรกเริ่มก็เก็บเฉพาะบริเวณหน้าบ้านของตนเอง ซึ่งทางวัดไม่อยากทะเลาะกับศรัทธาคนข้างวัดจึงไม่สู้รบปรบมือ
แทนที่คนกลุ่มนี้จะถ้อยทีถ้อยอาศัยทำนอง “วัดครึ่งหนึ่งชาวบ้านข้างวัดครึ่งหนึ่ง” แต่กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ ในปีนี้คนกลุ่มนี้กลับยึดถนนในเขตพื้นที่จัดงานตั้งแต่ประตูทางเข้างานไปจนถึงรั้ววัด เก็บเงินร้านค้าล็อกค่าแผงถึง 3,000-10,000 บาท ทั้งๆ ที่วัดเป็นคนลงทุนจัดงานใหญ่โต
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ตัวแทนคณะทำงานจัดงานนมัสการหลวงพ่อเพชรและสมโภชเมืองพิจิตร “ไหลเรือไฟ” จึงสุดจะทนเพราะวัดขาดรายได้จากร้านค้า แต่ต้องรับภาระรายจ่ายในการจัดงานเกือบ 10 ล้านบาท นำเรื่องเข้าร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ
ทั้งนี้ นายดลภาค เนตรใส นายอำเภอเมืองพิจิตร เป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ด้วยตนเอง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อได้รับเรื่องดังกล่าวนี้จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นก่อน หากพบว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องก็จะประสานงานกับฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหาจะเข้าข่ายเป็นมาเฟียหรือไม่ยังไม่สามารถบอกได้ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
