เชียงใหม่ - คู่รักหลากหลายทางเพศเชียงใหม่สุดชื่นมื่น ควงคู่จูงมือขึ้นที่ว่าการอำเภอเมืองจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมตั้งแต่วันแรกที่กฎหมายเริ่มมีผลบังคับใช้ ชี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน
วันนี้ (23 ม.ค. 68) ซึ่งเป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม หรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 มีผลบังคับใช้ ทำให้คู่รัก LGBTQ+ หรือกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงเช้าวันนี้ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักจากการที่คู่รัก LGBTQ นับสิบคู่ต่างพากันเข้ายื่นขอจดทะเบียนสมรส
ขณะที่คณะทำงานเชียงใหม่ไพรด์มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองการสมรสเท่าเทียมอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทยที่เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการจัดขบวนแห่ขันหมาก, การมอบของที่ระลึก, การตัดเค้กแห่งประวัติศาสตร์ และการกล่าวสุนทรพจน์ พร้อมกล่าวแสดงความยินดี โดยมีนายณัชฐเดช มุมาลี นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ในฐานะนายทะเบียน เป็นประธานในการจัดกิจกรรมและเป็นสักขีพยานในการมอบทะเบียนสมรสแก่คู่สมรส ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นและเต็มไปด้วยความสุข
ทั้งนี้ นายอัชฌาชัจจ์ ศรีประเสริฐ และ นายอรรถวัฒน์ ทองชัยประสิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสในวันนี้ เล่าว่า เราทั้งสองคบหาและดูแลกันมาตลอดกว่า 10 ปีแล้ว แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาคนหนึ่งป่วยเป็นโรคไต และอีกคนตั้งใจจะบริจาคไตให้ แต่เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เพียงญาติหรือคู่สมรสเท่านั้นที่จะสามารถบริจาคให้กันได้ และต้องใช้เวลาอีก 3 ปีหลังจากที่มีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแล้วจึงจะสามารถบริจาคไตให้กันได้ ซึ่งเราทั้งคู่ไม่อยากที่จะเสียเวลาแม้แต่วันเดียว จึงมาจดทะเบียนสมรสทันทีในวันแรกที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ เพื่อที่จะได้สามารถทำเพื่อคนที่รักได้ในเร็ววันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ด้านนายศิริศักดิ์ ไชยเทศ คณะทำงานเชียงใหม่ไพรด์ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมของประเทศไทยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นวันแรกและเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์หลังจากที่พยายามผลักดันกันมาอย่างต่อเนื่องนาน 15 ปีจนกระทั่งสำเร็จในที่สุด ทั้งนี้ต้องขอแสดงความยินดีด้วยกับคู่รักผู้มีความหลากหลายทางเพศทุกคู่ที่ได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยส่วนตัวแม้จะดีใจแต่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเพราะมองว่าการสมรสเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคนโดยไม่จำกัดเพศ