อุดรธานี - เปิดใจคู่รักหนุ่มใหญ่ LGBTQ+ชาวอุดรธานี คุณโจ อายุ 49 ปี และคุณเคน อายุ 53 ปี รักกันยาวนาน 22 ปี กับความหวังจดทะเบียนสมรสที่จากความฝันกลายเป็นความจริง เผยผ่านปัญหาอุปสรรคกันมามากมายแต่ไม่ท้อเพราะรักกันด้วยใจ พร้อมจูงมือจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม 23 ม.ค.นี้
เป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับชาว LGBTQ+ หลังพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมประกาศและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม 2568 นี้ ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสมรสเท่าเทียม เนื้อหาของกฎหมายมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้การสมรสครอบคลุมบุคคลทุกเพศ, อายุสมรสเปลี่ยนเป็น 18 ปี (เดิม 17 ปี), สถานะทางกฎหมายของคู่รักเพศเดียวกันเป็น “คู่สมรส” มีสิทธิเท่าเทียมกับคู่รักชายหญิง เช่น สิทธิสวัสดิการราชการ, หักลดหย่อนภาษี เป็นต้น, สามารถขอรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้
คุณโจ อายุ 49 ปี กับ คุณเคน อายุ 53 ปี คู่รัก LGBTQ+ ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า เขาทั้งสองคนคบหากันมาตั้งแต่ปี 2546 เริ่มแรกรู้จักกันด้วยความบังเอิญ ย้อนกลับไปสมัยนั้นอินเทอร์เน็ตยังไม่มี จะมีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือและก็เพิ่งเริ่มมีใช้กันไม่แพร่หลาย คุณโจบอกว่า...ตอนนั้นคุณเคนเขาโทร.ผิด แล้วจากนั้นเราก็คุยกันมาจนเวลาผ่านไป 1 ปี แบบเราไม่เห็นหน้ากัน ต่อมาก็มีการนัดเจอกัน ที่จนเราสนิทพูดคุยกันรู้เรื่องและเราก็เริ่มตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เรามีอะไรที่เหมือนกันทั้งความคิด นิสัย ที่สำคัญ ต่างคนต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
คุณเคนเล่าว่า ตลอดระยะเวลาที่เราใช้ชีวิตร่วมกันกว่า 20 ปี ผ่านอุปสรรคมามากมาย ครอบครัวเพื่อนฝูงก็สนับสนุน จะมีเพียงแต่สังคมที่ยังมองความแตกต่าง และเห็นว่ามันจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้นานเหมือนผู้หญิงผู้ชายได้อย่างไร เนื่องจากสังคม LGBTQ+ จะถูกตราหน้าว่ายังไงก็คบกันไม่นาน แต่เราก็แสดงให้เห็นและพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นแล้ว
ด้านคุณโจให้ความเห็นการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมจะช่วยให้คู่รัก LGBTQ+ ได้สิทธิประโยชน์ทางด้านกฎหมายและการใช้ชีวิตร่วมกันในระยะยาว ตอนนี้เราทั้งสองคนเริ่มมีอายุกันมากขึ้น อนาคตเราอาจจะมีอาการเจ็บป่วยที่คาดไม่ถึงและไม่คาดคิด การตัดสินใจทางกฎหมายด้านการแพทย์ต้องได้รับความยินยอมจากคนที่เป็นญาติใกล้ชิดทั้งนิตินัย และพฤตินัย
“ก่อนมี พ.ร.บ.เราไม่มีสิทธิอะไรเลย พอกฎหมายฉบับนี้ออกมา ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น กิจกรรมที่ทางจังหวัดอุดรธานีจะมีการจัดขึ้นในวันที่ 23 มกราคมนี้ ทางเราพร้อมที่จะไปร่วมจดทะเบียนสมรส ที่เราไปร่วมกิจกรรมก็เพื่อเป็นการแสดงความรักที่มีต่อกันและเป็นการการันตีสิทธิของคู่สมรสเท่าเทียม” คุณโจกล่าวย้ำ และบอกอีกว่า
ขอฝากถึงกลุ่ม LGBTQ+ ทุกคน หากจะมาจดทะเบียนสมรสกันก็ขอให้ศึกษากฎหมายก่อนค่อยตกลงปลงใจมาจดทะเบียน ข้อสำคัญคู่รักควรรักกันมาจากใจ ไม่ใช่รักกันเพื่อจดเอกสารหรือแค่ตามกระแส ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่ผลักดันทำงานเรื่องนี้ทั้งองค์กรภาคเอกชน และรัฐบาล