เพชรบุรี - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร หรือ ARDA จัดกิจกรรม “สื่อมวลชนสัญจร” ภายใต้หัวข้อ "นวัตกรรมงานวิจัย ARDA สู่ความมั่นคงด้านอาหารและภาคการเกษตรไทยที่ยั่งยืน" เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นและสร้างการยอมรับอุตสาหกรรมอาหารและภาคการเกษตรของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร (food security) ในขณะเดียวกัน ความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัยของประชาชนกำลังเป็นประเด็นที่กำลังถูกจับตามองเช่นเดียวกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้
ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน รวมถึงยังเป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกรฐานราก ซึ่งจะเป็นการสร้างและกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม กิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรในครั้งนี้ ทาง ARDA ได้นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมนวัตกรรมงานวิจัยที่ให้การสนับสนุนทุนวิจัยในการยกระดับวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่มาจากภาคเกษตรกร รวมถึงการแปรรูปเป็นอาหารที่สร้างมูลค่า ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมอาหารของไทย ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ มีการลงพื้นที่ติดตามใน 4 โครงการวิจัย โดยเริ่มต้นจุดแรกได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการ "การพัฒนาการเพาะพันธุ์และอนุบาลหอยแครง Tegillorca granosa (Linnoeus, 1758) โดยร่วมกับฟาร์มเพาะเลี้ยงของเกษตรกร" ณ วรเดชฟาร์ม ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โครงการวิจัยที่มุ่งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำในระดับสูงมาสร้างความยั่งยืนให้ทรัพยากรทางทะเล เนื่องจากหอยแครงมีผลผลิตในธรรมชาติลดลงส่งผลให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรจนเกิดปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้ชาวประมงและความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเลไทย
ย้อนกลับไป 20 ปี พบว่าประเทศไทยเคยมีผลผลิตหอยแครงสูงสุดถึง 82,000 ตัน/ปี และมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ จนในปี 2565 จากสถิติของกรมประมงพบว่า ผลผลิตหอยแครงทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 32,600 ตัน/ปี จังหวัดสมุทรสงครามเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบปัญหาดังกล่าว สภาเกษตรกรจังหวัดสมุทรสงครามได้แจ้งปัญหาไปยัง ARDA
ทั้งนี้ เพื่อหาแนวทางในการใช้เทคโนโลยีช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ARDA ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนจึงได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมประมง เพื่อดำเนินโครงการ โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์และอนุบาลลูกหอยโดยใช้พ่อแม่พันธุ์ในพื้นที่ตำบลคลองโคน ตั้งแต่การรวบรวมพันธุ์หอยแครงมากระตุ้นให้ปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ ด้วยวิธีการผสมเทียม (Artificial Breeding) การเพาะเลี้ยงแพลงก์ตอนพืชเพื่อใช้เป็นอาหารลูกหอยระยะว่ายน้ำและระยะลงเกาะช่วงแรก เพื่อให้ได้ลูกหอยขนาด 5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่มีอัตราการรอดสูงและเกษตรกรสามารถนำไปเลี้ยงต่อให้เป็นหอยแครงขนาดใหญ่
สำหรับผลการดำเนินงานในปัจจุบัน ทางคณะวิจัยสามารถเพาะอนุบาลลูกหอยแครงได้ขนาดมากกว่า 1 มิลลิเมตร รวมกว่า 1 แสนตัว และเตรียมนำไปอนุบาลต่อไป โครงการวิจัยนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการพึ่งพาการเก็บเกี่ยวหอยแครงจากธรรมชาติ แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการรอดของลูกหอย ลดการใช้ลูกพันธุ์หอยหอยต่างถิ่น ลดความเสี่ยงจากโรค และช่วยฟื้นฟูประชากรหอยแครงในธรรมชาติ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพการเพาะเลี้ยงหอยแครง ให้พร้อมแข่งขันในตลาดอาหารทะเลในระดับโลกควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และการพัฒนาที่ตอบสนองต่อเป้าหมายความยั่งยืนอย่างแท้จริง
จากนั้นคณะสื่อมวลชนได้เดินทางไปจุดที่ 2 โรงเรียนการอาหารนานาชาติเพชรบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมภายใต้แผนงานวิจัย “เพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร UNESCO สู่การเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน” งานวิจัยที่จะเสริมจุดแข็งของจังหวัดเพชรบุรี ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่นด้วยนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการใช้อัตลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่น เพื่อยกระดับการผลิตอาหารให้สมกับที่ UNESCO ได้ประกาศให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของโลก
โดยแผนงานวิจัยนี้แบ่งออกเป็น 3 โครงการวิจัยย่อย ประกอบด้วย โครงการวิจัยย่อยที่ 1 การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและมีคุณภาพ และTraceability โครงการวิจัยย่อยที่ 2 การยกระดับอาหารท้องถิ่นเมืองเพชรสู่มาตรฐานสากล และโครงการวิจัยย่อยที่ 3 การประเมินและการวัดผลการดำเนินโครงการเพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารสู่การเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ ทางคณะสื่อมวลชนได้ชิมเมนูขนมหวานเมืองเพชรที่เป็นทั้งเมนูต้นตำรับ และฟิวชัน ประกอบด้วย จานที่ 1 กระทงทองเมี่ยงคำเครมบูเล่สังขยาลูกตาล ดาราทอง จานที่ 2 หม้อแกงคัสตาร์ดเผือก จานที่ 3 ลูกตาลหนึบ ทองม้วน เชอร์เบทมะนาว สำหรับโครงการสามารถสร้างมูลค่าผลตอบแทนปัจจุบันสุทธิ จำนวน 3,455,460 บาท ถือว่าช่วยตอบโจทย์เรื่องการอนุรักษ์ต้นตำรับอาหารเมืองเพชรบุรีให้ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับเส้นทางการท่องเที่ยวที่จะช่วยเพิ่มรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งถือเป็นการให้ผลตอบแทนทางสังคมที่เป็นประโยชน์คุ้มค่า