xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรกรผู้ปลูกมันชาวไทรโยคทวงถามราคา พร้อมยื่น 4 ข้อเรียกร้อง หากไม่มีผลเตรียมบุกทำเนียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - เกษตรกรผู้ปลูกมันชาวไทรโยคกว่า 100 คน บุกทวงถามราคา พร้อมยื่น 4 ข้อเรียกร้อง ขีดเส้น 24 ม.ค.นี้ หากไม่ได้รับคำตอบเตรียมยกระดับบุกเข้า ทำเนียบแน่นอน

วันนี้ (20 ม.ค.) นายนิพล หล้าช่าง แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี นำเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.ไทรโยค กว่า 100 ราย พร้อมเครื่องขยายเสียงและรถบรรทุกมันสำปะหลังเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผ่านนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เรียกร้องขอให้กระทรวงพาณิชย์เปิดจุดรับขึ้นหัวมันสำนักปะหลัง ในพื้นที่ อ.ไทรโยค 10 จุดให้เร็วที่สุด

เมื่อกลุ่มเกษตรกรมาถึง ได้ช่วยกันนำเต็นท์มาติดตั้งที่ลานด้านข้างเสาธงชาติ หน้าศาลากลาง โดยมีรถกระบะบรรทุกหัวมันสำปะหลัง 1 คัน และติดตั้งเครื่องขยายเสียงเอาไว้ให้เกษตรกรผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยถึงความเดือดร้อนของแต่ละราย รวมถึงนำอุปกรณ์สำหรับประกอบอาหารเลี้ยงและน้ำดื่มที่สามารถอยู่ได้ตลอดทั้งคืนอีกด้วยด้วย

โดยในครั้งนี้นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ว่าที่ ร.ต.ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ มีนายบรมัตถ์พงษ์ พลเยี่ยม พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค นายกรกรณ์ อึ๊งภากรณ์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เข้าเจรจากับแกนนำและกลุ่มผู้ปลูกมันสำปะหลัง มีนายสุวัฒนา ม่วงหวาน ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ อส.และเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองกาญจนบุรี คอยอำนวยความสะดวกและป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งการเจรจาทุกอย่างนั้นผ่านไปด้วยดี โดยแกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้แจ้งว่าหากวันนี้ไม่ได้ตามข้อเรียกร้อง อาจจะมีความจำเป็นจะต้องกดดันด้วยการพักค้างคืนที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ต่อไป

นายนิพล หล้าช่าง แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.ไทรโยค กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรมีด้วยกัน 4 ข้อ ดังนี้

1.ขอให้กระทรวงพาณิชย์ นำโรงแป้งนอกจังหวัดมารับซื้อตามจุดรับซื้อทั้ง 10 จุด โดยให้รับซื้อของอำเภอไทรโยค ครบทุกจุดพร้อมกัน เพื่อจะช่วยให้ชาวไร่มันสามารถที่จะใช้รถกระบะเล็กบรรทุกหัวมันสำปะหลังไปขายได้สะดวกในจุดที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่มาเปิดแค่เพียงบางจุดเท่านั้น แต่เกษตรกรไม่สามารถที่จะใช้กระบะเล็กวิ่งไปขายได้ เพระอยู่ห่างไกลและเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ทำให้เกษตรกรวิ่งไปไม่ถึง จึงจำเป็นต้องมีการเปิดทุกตำบล ในพื้นที่อำเภอไทรโยค และขอให้รัฐบาลช่วยรับซื้อจำนวน 100,000 ตันในระยะเวลา 50 วัน เพื่อแบ่งเบาความเดือดร้อนของเกษตรกรในอำเภอไทรโยค ที่ราคามันสำปะหลังตกต่ำมากที่สุดในประประเทศไทย

2.ขอให้มีการรับซื้อที่ราคา กก.ละ 2.20 บาท/กก. เชื้อแป้ง 25% โดยไม่หักจากเกษตรกร เกษตรกรจะต้องได้ราคาเต็ม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศกำหนดราคาเอาไว้ที่จุดรับซื้อทุกจุด โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเองทั้งหมด ถ้าหากต่ำกว่านี้เกษตรกรจะขาดทุนมาก

3.ขอให้กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดวันเปิดรับซื้อโดยเร็วที่สุด ภายในเดือนมกราคม 2568 นี้ เพราะเกษตรกรเดือดร้อนจะต้องขุดมันสำปะหลังไปขายเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และต้องใช้หนี้สินต่างๆ อีกมากมาย

และ 4.ขอให้ผ่อนปรนให้เกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังที่ไม่ได้ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร สามารถปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ทันที หรือยกเว้นการใช้ทะเบียนเกษตรมาใช้การเข้าร่วมโครงการขายมันสำปะหลังในโครงการนี้

ข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจะต้องได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภายในวันที่ 24 ม.ค.68 นี้ หากไม่ได้รับคำตอบครบทุกข้อเรียกร้อง เกษตรกรจะไม่สามารถขุดมันสำปะหลังออกมาขายได้ จะทำให้ทุกคนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อนาคตในเร็วๆ นี้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.ไทรโยค และจังหวัดกาญจนบุรี จำเป็นจะต้องรวมตัวเดินทางไปกดดันที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างแน่นอน

ด้าน นายบรมัตถ์พงษ์ พลเยี่ยม พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรีกำลังรอคำสั่งให้เปิดจุดรับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรชาวอำเภอไทรโยค จุดไหนพร้อมจะเปิดไปก่อน ปัจจุบันจุดรับซื้อที่มีความพร้อมมีอยู่ประมาณ 3-4 จุด แต่ประเด็นคือเกษตรกรร้องขอซื้อขายในราคากิโลกรัมละ 2.20 บาท แต่โครงการของเรานั้นได้ให้แค่กิโลกรัมละ 2 บาทเท่านั้น ซึ่งโครงการของเรานั้นมีเงินอยู่แล้วและผู้ประกอบการพร้อมที่จะรับซื้อในราคานี้ แต่เราเข้าใจต้นทุนของเกษตรกรอยู่แล้วว่ามีต้นทุนสูงถึง 1,800-2,100 บาท เมื่อเกษตรกรขายได้ในราคาตันละ 2,000 บาทมันจึงมีความหมิ่นเหม่ที่จะขาดทุน

ถามว่าหากรับซื้อในราคาตันละ 2,000 บาท เกษตรกรจะยอมหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องไปคุยกับทางอำเภออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทางอำเภอร่วมตรวจสอบหาเกษตรกรผู้เดือดร้อนที่ต้องการใช้เงินก็จะรับซื้อให้ ส่วนเกษตรกรรายใดที่ยังไม่รีบใช้เงิน หรือยังไม่อยากขายในราคานี้ก็อยากให้เกษตรกรรายนั้นๆ รอไปสักระยะก่อน เพราะเพื่อมีมาตรการลงมาก็จะมีการรับซื้อที่สูงขึ้น










กำลังโหลดความคิดเห็น