เชียงใหม่- ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อำเภออมก๋อย ลุยปฏิบัติการเชิงรุก บูรณาการหลายหน่วยงาน KICK OFF เปิดโครงการ “อมก๋อยฟ้าใส ร่วมใจไม่เผา” สนับสนุนการไถกลบตอซังถึงแปลงเกษตร พร้อมสาธิตการผลิตปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน
วันนี้(19 ม.ค.68) ที่แปลงเกษตรของนางเพ็ญศรี ความมัง บ้านดง หมู่ที่ 9 ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรม KICK OFF ตามโครงการ “อมก๋อยฟ้าใส ร่วมใจไม่เผา” ซึ่งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อำเภออมก๋อย โดยการอำนวยการของ นายปรีชาพล พูลทวี นายอำเภออมก๋อย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันฯ บูรณาการร่วมกับ สำนักงานเกษตรอำเภออมก๋อย ,สำนักงานพัฒนาที่ดินเชียงใหม่ เขต 6 ,มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท, เทศบาลตำบลอมก๋อย, ผู้ใหญ่บ้าน, ชป.ศปร.อ อมก๋อย และเกษตรกรในพื้นที่ ดำเนินการตามนโยบายปฏิบัติการเชิงรุก เดินหน้าเข้าหาไฟ ลดการเผา ด้วยหลัก เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
สำหรับการเปิดกิจกรรมในครั้งนี้ได้จัดให้มีการไถกลบตอซัง ณ บริเวณแปลงเกษตร และรับชมการสาธิตการผลิตปุ๋ยหมักผลิตปุ๋ยหมักอัดแท่ง เพื่อแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่า โดยผู้แทนสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัด เชียงใหม่ เขต 6 และการดำเนินการตามโครงการหมู่บ้านปลอดการเผา ครั้งที่ 3 โดยผู้จัดการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ซึ่งอำเภออมก๋อยได้สำรวจข้อมูลพื้นที่นา พบว่ามีทั้งหมด 42,678 ไร่ มีพื้นที่ไถกลบตอซังทั้งหมด 12,000 ไร่ ดำเนินการแล้ว 5,024 ไร่ และยังไม่ได้ดำเนินการ 6,986 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้ไถกลบจำนวน 30,678 ไร่นั้น พบว่าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่่สูงชันและตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ซึ่งการจัดการเป็นแบบวิถีเกษตรกร คือการปล่อยสัตว์เลี้ยงกินเป็นอาหารและทิ้งให้ย่อยสลาย เป็นปุ๋ยดิน
ทั้งนี้นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามดำริของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบนโยบายปฏิบัติการเดินหน้าเข้าหาไฟ ลดการเผา รณรงค์ให้เกษตรกรไถกลบตอซังข้าว รวมถึงวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรแทนการเผา ภายใต้หลักการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในการแก้ปัญหาฝุ่นควันอย่างยั่งยืนต้องเริ่มจากการไม่เผา อย่างไรก็ตามในการจะไม่ให้เผานั้น ต้องมีแนวทางในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงที่เหมาะสมตามบริบทในพื้นที่ด้วย ซึ่งในส่วนของการเกษตร จะต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านและเกษตรกรไม่ให้มีการเผา หรือหากมีความจำเป็นจะต้องเผา ต้องมีการสำรวจและวิเคราะห์ถึงความจำเป็นก่อน แล้วเข้าไปพูดคุยเจรจาหาทางช่วยเหลือเพื่อลดความจำเป็นที่ต้องเผาให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อลด PM 2.5 และมีอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ต่อไป