ประจวบคีรีขันธ์ - "กระทรวงทรัพย์ฯ" จัดโครงการ "รักษ์หาดไทยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช"
วันนี้ (17 ม.ค.) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีสมมงคล พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 26,469 วัน ในวันอังคารที่ 14 มกราคม 2568 เป็นสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราช แห่งพระราชวงศ์จักรี ซึ่งพระราชพิธีสมมงคลเป็นราชประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบกันมาช้านาน มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย แสดงถึงวัฒนธรรมที่ดีงามของพระมหากษัตริย์ไทยในการที่ทรงสร้างแบบอย่างความกตัญญูกตเวทิตา แสดงความเคารพรําลึกถึงสมเด็จพระบรมราชบูรพการี ด้วยเหตุนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ได้จัดโครงการ "รักษ์หาดไทยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" ในวันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2568 ณ ชายหาดปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรณียกิจด้วยความวิริยะอุตสาหะ ทรงมีพระราชปณิธานในการสืบสานและต่อยอดกิจการที่ขจัดทุกข์บำรุงสุขแก่ปวงประชาราษฎรตามรอยพระราชบิดา โดยเฉพาะในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในอันที่จะก่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศไทยสืบไป
ดร.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า แนวคิดในการดำเนินโครงการ "รักษ์หาดไทยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช" เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาขยะทะเลติดอันดับ 10 ของโลก โดยร้อยละ 80 มีแหล่งที่มาจากบนบก ขยะที่พบมีความหลากหลายส่วนใหญ่เป็นขยะซึ่งย่อยสลายได้ยาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรและระบบนิเวศที่สำคัญ ได้แก่ ปะการัง หญ้าทะเล ป่าชายเลน และสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมมือในการบริหารจัดการขยะทะเล
อีกทั้งสถานการณ์ที่ประเทศไทยปล่อยขยะลงสู่ท้องทะเลมากกว่า 1 ล้านตันต่อปี การจัดการขยะทะเลซึ่งหนึ่งในเป้าหมายตามแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) พร้อมกันนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายลดปริมาณขยะตกค้างในระบบนิเวศทางทะเลอย่างมีส่วนร่วม เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการขยะทะเลอย่างเป็นระบบ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชนชายฝั่ง เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ปากน้ำปราณเข้ามามีส่วนร่วม จำนวน 1,000 คน
อีกทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักเรื่องผลกระทบของขยะที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสิ่งแวดล้อมทางทะเล
ด้าน ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า พื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทย และอันดามันมีทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่มีความสำคัญทั้งต่อระบบนิเวศ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก เช่น เต่าทะเล วาฬ พะยูน โลมา นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ แนวปะการัง ชายหาด และน้ำที่ใสสะอาด ที่ผ่านมา ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้รับผลกระทบจากปัญหาโดยเฉพาะปัญหาการทิ้งขยะลงทะเลทั้งขยะที่มาจากชายฝั่ง ชุมชนชายฝั่งและขยะที่มาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในทะเล ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ปัญหาขยะเป็นปัญหาที่มีความสำคัญระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งขยะทะเลยังคงมีแนวโน้มมีปริมาณอยู่
กรม ทช.ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลขยะทะเลได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น อีกทั้งเพื่อศึกษาสำรวจ ชนิดและปริมาณในแนวชายฝั่ง โดยเฉพาะชายหาดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อนำข้อมูลไปจัดทำฐานข้อมูล และใช้ในการบริหารจัดการขยะทะเลที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ