เพชรบุรี - “ชัยวัฒน์” ยื่นขอศาลปกครองคุ้มครองสมุดรังวัด ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก หลังปัจจุบันเกิดความเสียหายแล้ว
วันนี้ (16 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลปกครองจังหวัดเพชรบุรี อำเภอชะอำ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการส่วนอุทยาน พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางมายื่นเรื่องขอคุ้มครองสมุดจดรายการรังวัดของช่างรังวัด เพื่อไม่ได้ใช้ตามกฎหมาย ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเกิดความเสียหายแล้วและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยาน กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วยทนาย เดินทางมาที่ศาลปกครองเพชรบุรี อำเภอชะอำ เพื่อยื่นเรื่องขอคุ้มครองสมุดจดรายการการรังวัดของช่างรังวัดที่ไม่ได้ใช้ตามกฎหมาย ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ แต่เจอปัญหาการจัดทำแผนที่ ของกรมแผนที่ทหารว่าไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีพระราชกฤษฎีกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 แต่คณะกรรมการ วันเมพ สว.ทช. กับกรมแผนที่ทหาร ร้องขอแต่สมุดรังวัดฟิวส์บุ๊ก จดรายการบันทึกส่วนตัวของช่างรังวัด ซึ่งไม่สมบูรณ์ และไม่เป็นไปตามกฎหมาย แต่ สว.ทช.พยายามที่จะขอสมุดรังวัดไป ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้คณะกรรมการอำนวยการ สว.ทช. กรมแผนที่ทหารนำไปใช้ และขอให้ยกเลิกคำสั่งหนังสือเรื่อง ที่กรมแผนที่ทหารจัดทำเรียนถึงท่านเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิก ขอให้ศาลพิจารณากรณีนี้เร่งด่วน เนื่องจากความเสียหายจากแผนที่ เนื้อที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นมรดก และมีสาระสำคัญซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย คณะกรรมการวันเมพ นำสมุดฟิวส์บุ๊ก ไปตรวจสอบ ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว วันนี้จึงขอศาลให้คุ้มครองสมุดรังวัดดังกล่าว
ขณะที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ศาลปกครองจังหวัดเพชรบุรี ก่อนเดินทางออกมาพร้อมใบนัด โดยนายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ศาลได้รับเอกสารคำร้อง และการไต่สวนฉุกเฉิน ตามคำร้องเพิ่มมาอีก 1 ฉบับ พร้อมรับเรื่องลงคดีใหม่เลขดำที่ 10/2568
สำหรับการไต่สวนฉุกเฉิน ตนและทนายจะนำเอกสารอีก 2 ชุดมายื่นขอไต่สวนฉุกเฉินในวันจันทร์หน้าที่จะถึงนี้อีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ตนคาดว่าจะเป็นเป้าหมายที่ทุกคนมุ่งไปพร้อมกัน เพื่อขอคุ้มครองสมุดรังวัด หากพิจารณาแล้วมีเหตุมีมูล ต้องขอให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยดีกว่า ซึ่งต่างคนต่างคิดว่าตนเองทำถูก บางเรื่องที่เป็นกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย แต่วันนี้พบว่ารัฐเสียหายไปแล้ว จึงเดินทางมายื่นเรื่องขอให้ศาลคุ้มครองสมุดรังวัดดังกล่าว