เชียงใหม่ - กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทำแผนแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ระยะ 5 ปี ของจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยงานวิจัย นวัตกรรม และกลไกภาคี PES เพื่อลดฝุ่นในอากาศและคืนสุขภาพที่ดีให้ประชาชน
วันนี้ (13 ม.ค. 68) ที่โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การจัดทำแผนเพื่อการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ระยะ 5 ปี ของจังหวัดเชียงใหม่ด้วยงานวิจัย นวัตกรรม และกลไกภาคี PES (Payment for Ecosystem Service)" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววท.) จัดขึ้น เพื่อ Kick off การนำกระบวนการวิจัยและการบูรณาการงานวิจัยเพื่อสนับสนุนการสร้างแผนยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในระยะ 5 ปี ตลอดจนการระดมความเห็นเพื่อจัดทำ road map การนำองค์ความรู้และงานวิจัยพร้อมใช้ในประเด็นสำคัญเร่งด่วนมาใช้ในการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จากแหล่งกำเนิด และเตรียมความพร้อมในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเชื่อมต่อกับแผนปฏิบัติการของหน่วยงานระดับจังหวัด เพื่อผลักดันการนำผลงานวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในวันนี้มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จากหน่วยงานส่วนกลาง และระดับพื้นที่ ผู้แทนภาคประชาสังคม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จากหน่วยงานส่วนกลางและระดับพื้นที่ ตลอดจนนักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงาน ววน. สถาบันการศึกษา และหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม หารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันกว่า 200 คน
ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเผยถึงตัวอย่างการสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่ จากงานวิจัยของ ววน.ในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในมิติต่างๆ ว่า ประกอบด้วย การติดตามสถานการณ์ฝุ่นด้วย low cost เซ็นเซอร์ Dust Boy ร่วมกับเครื่องมือตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าถึงและติดตามสถานการณ์ฝุ่นได้อย่างทันท่วงที, การสนับสนุนการสร้างห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียน และสถานพยาบาล แผนอพยพกลุ่มเปราะบางระดับชุมชน และแพลตฟอร์มเตือนภัยระดับวิกฤต, การปรับพฤติกรรมของเกษตรกรเพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตรตลอดห่วงโซ่การเพาะปลูก ด้วยการมุ่งเป้าเปลี่ยนเป็นวิถีเกษตรไม่เผา โดยขยายผลการปรับพืชไร่ (ข้าวโพด) เป็นพืชมูลค่าสูง และพัฒนาระบบตรวจสอบพื้นที่เกษตรไม่เผา
ขณะเดียวกัน รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับภาคเอกชนเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไม่เผา ตลอดจนการจัดการชีวมวลจากเศษวัสดุการเกษตรตลอดห่วงโซ่ และการสร้างแรงจูงใจเพื่อลดการเผาในภาคป่าไม้ด้วยกลไกตอบแทนคุณระบบนิเวศ เพื่อให้ภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคมสนับสนุนทุน หรือการดำเนินงานของชุมชนที่ช่วยดูแลทรัพยากรให้เกิดการลดการเผาในภาคป่าไม้และเกษตรอย่างยั่งยืน รวมทั้งการใช้ข้อมูลและงานวิจัยเพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิทธิทำกิน ซึ่งเป็นรากเหง้าของปัญหาการเผาพื้นที่เกษตรและพื้นที่ป่าจากความยากจน เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ และให้สุขภาพของประชาชนดีขึ้น ลดโรคที่เชื่อมโยงกับระบบทางเดินหายใจที่มีปัญหามาจากฝุ่น PM 2.5 ให้ลดลงไปด้วยเช่นกัน