xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้ง อบจ.โคราชเดือด! ยื่น กกต.ร้องเรียน “มาดามหน่อย” ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายสุนทร แพงไพรี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา ผู้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.นครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เลือกตั้ง อบจ.โคราชเดือดต่อเนื่อง “สุนทร” เดินหน้าร้อง “มาดามหน่อย” ผู้สมัครนายก อบจ.เพื่อไทย งัดหลักฐานโอนงบ 23 ล้านบาท ยื่น กกต.เอาผิด กม.เลือกตั้งท้องถิ่น ลั่นหากล่าช้าเลยวันเลือกตั้งจนเสียหายจะฟ้องเอาผิด ม.157


วันนี้ (8 ม.ค.) บรรยากาศการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.นครราชสีมา ยังคงเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. ล่าสุดนายสุนทร แพงไพรี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา ได้นำหลักฐานเป็นเอกสารการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 3 ประจำปี 2567 ซึ่งประชุมไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ที่ห้องประชุมสภา อบจ.นครราชสีมา ต.มะเริง อ.เมืองนครราชสีมา มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน

โดยเป็นหนังสือการเสนอญัตติที่มีลายเซ็นลงชื่อนางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ในขณะนั้น เรื่องการโอนงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อโอนตั้งจ่ายรายการใหม่เนื่องจากวัสดุครุภัณฑ์เดิมชำรุด และมีครุภัณฑ์ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีทั้งหมด 86 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 23,873,918 บาท ก่อนที่จะนำไปยื่นต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา

นายสุนทร แพงไพรี ผู้ยื่นเรื่องร้องเรียน กล่าวว่า หลังจากที่ตนนำเรื่องร้องเรียนให้ ก.ก.ต.ประจำจังหวัดนครราชสีมาตรวจสอบนางยลดา หวังศุภกิจโกศล ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย ไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 68 กรณีมีเหตุอันสงสัยว่านางยลดา และพวกที่เป็น ส.อบจ. จำนวน 35 คน กระทำการขัดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แต่ทาง ก.ก.ต.บอกว่าข้อมูลที่นำมายื่นเป็นเพียงข้อมูลข่าวในออนไลน์เท่านั้น ไม่ใช่เอกสารการประชุมจริง

ดังนั้น วันนี้ตนจึงไปขอคัดลอกสำเนาเอกสารจริงที่มีลายเซ็นของนางยลดา และปลัด อบจ.นครราชสีมา มาครบถ้วน เพื่อเตรียมนำไปยื่นเพิ่มเติมต่อ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งไม่ใช่ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะการตรวจสอบคุณสมบัติผ่านไปแล้ว แต่ตนต้องการจะยื่นให้ตรวจสอบการกระทำผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าวอยู่ในห้วงไม่เกิน 90 วัน เนื่องจากนางยลดาได้ลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา วันที่ 12 ธ.ค. 67 พร้อมกับ ส.อบจ.อีก 15 คน ซึ่งนับแต่วันถัดจากวันที่มีการประชุมลงมติ มีระยะเวลา 89 วัน

ดังนั้น การกระทำของนางยลดา กับพวก จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 (และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 มาตรา 65 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ซึ่งมีโทษตามมาตรา 126 แห่งกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากเป็นการประชุมอนุมัติโครงการหรือกิจกรรมใหม่ ซึ่งมีลักษณะเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จัดทำให้ สัญญาว่าจะให้

หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใด เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัดหรือศาสนาอื่นๆ สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด ภายในเก้าสิบวันก่อนลาออกจากตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น และโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าว ไม่มีลักษณะเป็นการบรรเทาทุกข์จากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติสาธารณะ หรือเป็นโครงการหรือกิจกรรมต่อเนื่อง ที่กระทำเป็นปกติอยู่แล้วหรือเป็นโครงการที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี




นายสุนทรกล่าวอีกว่า ตนมาร้องเรียนครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้รับใบสั่งมาจากใคร วันนี้ตนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องสามารถตรวจสอบผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะโคราชต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องได้คนดีมาทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ผู้ที่อาสาจะมารับใช้ประชาชน ก็ต้องพร้อมให้ตรวจสอบทุกเรื่อง อยากให้ ก.ก.ต.เร่งตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณการจัดการเลือกตั้ง หาก ก.ก.ต.ไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จและเกิดความเสียหายขึ้นมา ตนอาจจะต้องร้องเอาผิด กกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ต่อไป

ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำอันอาจจะฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว 3 เรื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนและไต่สวน




ด้านนายโกวินท์ เหิกขุนทด หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับคำร้องที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทาง กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมาจะต้องดำเนินการสั่งรับคำร้องภายใน 3 วัน แต่หากไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จะแจ้งให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน หลังจากนั้นพนักงานสืบสวนและไต่สวน กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมาจะดำเนินการสืบสวนและไต่สวน

โดยแบ่งระยะเวลาครั้งแรก จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน หากยังไม่แล้วเสร็จจะต้องขอขยายเวลาเพิ่มอีก 15 วัน แต่หากรวมระยะเวลา 35 วันแล้วยังไม่แล้วเสร็จ ก็จำเป็นต้องขอขยายเวลาเพิ่มเป็นครั้งสุดท้ายอีก 15 วัน โดยรวมระยะเวลาการสืบสวนและไต่สวนทั้งหมดต้องไม่เกิน 50 วัน นับจากวันที่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในการดำเนินการสืบสวนและไต่สวน จำนวน 3 เรื่อง ซึ่งข้อมูลการร้องเรียนจะไม่ขอเปิดเผย เพราะอาจจะส่งผลได้ผลเสียต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้


กำลังโหลดความคิดเห็น