สมุทรสงคราม - ชาวสวนลิ้นจี่ แม่กลองเป็นกังวลเนื่องจากขณะนี้น้ำเค็มหนุนขึ้นสูง อาจทำให้ลิ้นจี่ที่เริ่มออกดอกได้รับผลกระทบดอกร่วงได้ ขณะที่ชลประทานยืนยันน้ำต้นทุนในเขื่อนแม่กลองเพียงพอผลักดันน้ำเค็ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศหนาวเย็นขณะนี้ส่งผลดีต่อลิ้นจี่ราชินีผลไม้ของ จ.สมุทรสงคราม กำลังเริ่มออกดอกเตรียมให้ผลผลิตกันเกือบทุกสวน สร้างรอยยิ้มให้ชาวสวน ทำให้มีความหวังที่จะมีรายได้มาชดเชย 2 ปีที่ผ่านมา ลิ้นจี่ไม่ให้ผลผลิตเลยเนื่องจากอากาศแปรปรวน
นายสนธยา ตันติรักษ์ เกษตรกรชาวสวนซึ่งปลูกลิ้นจี่เกือบ 300 ต้น ต.สวนหลวง อ.อัมพวา บอกว่า เห็นลิ้นจี่ออกดอกสะพรั่งแทบทุกสวนคาดว่าไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เพาะปลูก ชาวสวนเริ่มยิ้มได้ แต่ภายใต้รอยยิ้มยังมีความกังวล เพราะตามปกติก่อนลิ้นจี่แทงช่อชาวสวนจะใช้น้ำจืดรดกระตุ้นให้แทงช่อดอกเร็วขึ้น แต่ขณะนี้น้ำเค็มได้รุกเข้าสวนลิ้นจี่ ซึ่งปกติน้ำเค็มจะอยู่แค่ อ.เมืองสมุทรสงคราม แต่ขณะนี้หนุนสูงขึ้นไปถึง อ.อัมพวา บางครั้งเลยไปถึง อ.บางคนที ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกลิ้นจี่รวมประมาณ 5 พันไร่ การที่น้ำเค็มเข้าสวนลิ้นจี่ส่งผลกระทบมาก เพราะนอกจากทำให้ดอกลิ้นจี่ร่วงไม่ออกดอกติดผลแล้ว ต้นยังเฉานานเข้าต้นลิ้นจี่จะตายได้ จึงขอให้ทางชลประทานจังหวัดประสานทางเขื่อนแม่กลอง จ.กาญจนบุรี ให้ช่วยปล่อยน้ำจืดลงมาผลักดันน้ำเค็มโดยเร็ว
นายธนิสร์ ส้มเกลี้ยงเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสมุทรสงครามกล่าวว่า ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำเข้าสวนลิ้นจี่ ทางโครงการชลประทานสมุทรสงครามไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุดได้สำรวจจุดวัดค่าความเค็มของน้ำแม่น้ำแม่กลองหน้าวัดบางแคน้อย อยู่ที่ 0.1-0.2 กรัมต่อลิตร จึงไม่เกินค่าความเค็มมาตรฐานที่กำหนดคือ 2 กรัมต่อลิตร เพราะหากค่าความเค็มเกิน 2 กรัมต่อลิตรจะทำให้เกิดผลกระทบต่อลิ้นจี่และผลไม้อื่นๆ แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เขื่อนแม่กลอง ที่ ต.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ระบายน้ำจืดอยู่ที่ 130 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงยังเพียงพอต่อการผลักดันน้ำเค็มขณะนี้ แต่ทางโครงการชลประทานมีการติดตามระดับค่าความเค็มของน้ำอย่างใกล้ชิด หากพบว่าอยู่ในระดับที่จะมีผลกระทบต่อลิ้นจี่และผลไม้อื่นๆ จะประสานขอเพิ่มการระบายน้ำจืดมาผลักดันน้ำเค็มเพิ่มเติมทันที และขอให้ชาวสวนสบายใจได้ว่าปริมาณน้ำจืดในเขื่อนแม่กลอง มีเพียงพอที่จะผลักดันน้ำเค็มในปีนี้อย่างแน่นอน