ฉะเชิงเทรา - อุบัติเหตุใหญ่ส่งท้าย 10 วันอันตรายช่วงปีใหม่ 2568 เมืองแปดริ้ว พ่วง 18 ล้อบรรทุกน้ำตาลทรายจอดแวะนอนริมถนนจุดจอดรถฉุกเฉินมอเตอร์เวย์ สาย 7 ถูกบรรทุก 10 ล้อหลับในพุ่งชนอย่างจัง ทำผู้โดยสารรถพ่วงบรรทุกน้ำตาลดับ 2 รายสภาพถูกอัดก๊อบปี้ร่างขาด 2 ท่อน
เมื่อเวลา 06.00 น.วันนี้ (5 ม.ค.) พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก. (สอบสวน) ส.ทล.1 กองกำกับการ 8 บก.ทล. ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนจุดพักรถเขาดิน ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกอิฐแดง พุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อซึ่งบรรทุกน้ำตาลทรายมาเต็มคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตติดคาอยู่ภายในซากรถ 2 ราย เหตุเกิดที่หลัก กม.ที่ 54+200-300 ถนนมอเตอร์เวย์ สาย 7 ด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้า จ.ชลบุรี พื้นที่ ม.7 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ
ไปถึงพบจุดจอดรถฉุกเฉินนอกช่องทางการจราจรหลักด้านซ้ายสุด มีรถบรรทุก 10 ล้อ หัวสีเขียว หมายเลขทะเบียน 82-3836 พระนครศรีอยุธยา ซึ่งบรรทุกอิฐแดงมาเต็มขอบกระบะชั้นล่าง สภาพพุ่งชนอัดก๊อบปี้ติดคาอยู่ที่ด้านท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อหัวสีฟ้าแบบสองตอน หมายเลขทะเบียนหัวลาก 70-5799 พิษณุโลก หมายเลขทะเบียนหางพ่วง 70-5800 พิษณุโลก
จนส่วนของหางพ่วงพุ่งข้ามราวเหล็กกั้นขอบถนนไปกว่าครึ่งคัน เพลาล้อรถส่วนหน้าหางพ่วงหลุดออกจากตัวถังในสภาพบิดงอตะแคงข้าง ขณะที่พื้นถนนมีเศษน้ำตาลทรายแดงไหลตกลงลงมากอง 1 กอง โดยรอบมีอิฐแดงตกกระจัดกระจายไปทั่ว
ห่างออกไปพบรถยนต์กระบะตู้ทึบสีขาว หมายเลข ทะเบียน บย 3763 สระแก้ว ซึ่งถูกด้านหน้าของรถบรรทุกพ่วงพุ่งเข้าชนจนทำให้หัวมุมท้ายรถด้านขวายุบกรอบ ไฟเลี้ยวแตกกระจาย ประตูปิดท้ายตู้ทึบยังมีร่องรอยยุบฉีกขาดทะลุจากการถูกพุ่งชนด้วย
จากการสอบถาม นายนิมิตร พุ่มมรดก อายุ 50 ปี ชาว จ.พิษณุโลก คนขับรถบรรทุกพ่วงทราบว่าได้ขับรถบรรทุกน้ำตาลทรายมาจาก อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าท่าเรือใน จ.ชลบุรี แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ได้เกิดอาการง่วงนอนจึงนำรถเข้าจุดจอดแวะพักรถฉุกเฉิน ริมทางด้านซ้ายสุด แต่ขณะที่จะเอนตัวลงนอนได้ยินเสียงดังโครมขึ้นที่ด้านท้ายรถ และมีแรงกระแทกอย่างรุนแรง จนทำให้ภรรยาและหลานที่นั่งมาด้วยกระเด็นตกจากเบาะ สิ่งของในรถกระจัดกระจาย อีกทั้งศีรษะของตนยังกระแทกเข้ากับสิ่งของภายในรถด้วย
"ครั้งแรกยังไม่รู้ว่ารถถูกพุ่งชนท้ายแต่พอหายมึนงงแล้วเดินลงมาดูพบอิฐแดงกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน ส่วนด้านหลังรถพบว่ามีรถบรรทุกพุ่งเข้ามาชนที่ด้านท้ายของหางพ่วง ซึ่งคนขับที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถได้โบกมือร้องเรียกให้ช่วย ส่วนภรรยาและหลานผมติดอยู่ที่ด้านหน้ารถในขณะที่ใต้หัวเก๋งเริ่มเกิดไฟลุกไหม้ โชคดีที่คนขับรถกระบะตู้ทึบ ได้ช่วยนำน้ำในขวดน้ำดื่มไปสาดให้ดับ" นายนิมิตร กล่าว
ส่วน นายณัฐพงษ์ สุโพธิ์ อายุ 22 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ คนขับรถกระบะตู้ทึบ บอกว่าตนได้ขับรถไปรับสิ่งของมาจาก อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมาเพื่อจะนำไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ในวันจันทร์ที่ 6 ม.ค.นี้ แต่ระหว่างทางรู้สึกง่วงนอนจึงได้แวะเข้าจอดพักนอนในที่จอดรถฉุกเฉิน กระทั่งรู้สึกว่ามีอะไรมากระแทกที่ด้านท้ายรถจึงลุกขึ้นไปดูพบว่ามีรถพุ่งชนกัน และกระแทกมาด้านท้ายรถของตน
ด้าน นายวัชรพล ชมเชย อายุ 41 ปี คนขับรถบรรทุก 10 ล้อซึ่งบรรทุกอิฐมาเต็มคันกล่าวว่า ได้ขับรถไปรับอิฐจาก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อที่จะนำไปส่งในไซต์งานก่อสร้างย่านถนนข้าวหลาม บางแสน จ.ชลบุรี แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถได้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกน้ำตาลอย่างจัง และยืนยันว่าตนไม่ได้มีอาการง่วงนอน หรือดื่มสุรามาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะมองไม่เห็นว่ามีรถจอดอยู่ข้างหน้า
ขณะที่ พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก. (สอบสวน) ส.ทล.1 เผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนขับรถบรรทุกอิฐแดง น่าจะเกิดอาการหลับในจนทำให้รถเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงที่จอดนอนในจุดจอดรถฉุกเฉิน และเนื่องจากรถมีน้ำหนักมากจึงเป็นการพุ่งชนอย่างรุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิต และจากการให้คนขับรถทั้ง 2 คันเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่พบว่ามีการดื่มสุราก่อนขับรถมาแต่อย่างใด
จึงประสานเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา นำเครื่องตัดถ่างตัดชิ้นส่วนเศษซากรถบรรทุก 10 ล้อ เพื่อนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายออกมาจากตัวรถในสภาพถูกอัดก๊อบปี้จนลำตัวขาดออกเป็นสองท่อน ทราบชื่อคื น.ส.พัชรารัตน์ โคตบิน อายุ 41 ปี และนายอัมรัตน์ ปลูกพันธ์ อายุ 21 ปี ก่อนนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สถานบันนิติเวช มศว องครักษ์ จ.นครนายก ต่อไป
นายคเชนทร์ เที่ยงมณี ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.บางปะกง ที่เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย ซึ่งจะได้รายงานไปทางจังหวัดเพื่อให้รับทราบต่อไป