สุรินทร์- งานศพเศร้าสลด หนุ่ม 26 คลุ้มคลั่งถูกตำรวจยิงตายใน รพ.สุรินทร์ ขณะเข้ารักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ แม่และน้าสาวขอความเป็นธรรม ขอเปิดคลิปวงจรปิด ถามตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ รปภ.20 คนทำไมเอาคนป่วยไม่อยู่ และไม่มียุทธวิธีเบาไปหนัก ใช้กระสุนยางหรือต้องใช้ปืนจริงยิงถึง 4 นัด แม่ติดใจ ผช.พยาบาล 2 คนพูดไม่ดี คาดเป็นปมเหตุลูกไม่พอใจ และยาที่หมอให้
วันนี้ ( 4 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 121 หมู่ที่ 5 บ.อุดม ต.ชุมแสง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายอภิชัย ชมพู อายุ 26 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ยิงเสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุ เมื่อเวลา 13.45 น.ของวานนี้ (3 ม.ค.68) หลังผู้ตายได้เข้ามารักษาตัวด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอกพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 9 ชั้น 4 ก่อนจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้อาวุธขวานจากที่เก็บไว้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายผู้ป่วย, ญาติผู้ป่วยอื่น และทรัพย์สินทางราชการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย เจ้าหน้าที่โรงพยาลสุรินทร์ ได้โทรศัพท์แจ้งเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยายนต์ จำนวน 2 นาย เข้าระงับเหตุชายคลุ้มคลั่งดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึง พบผู้ก่อเหตุ มือขวาได้ถืออาวุธขวานขนาดใหญ่ และเสาน้ำเกลือ กำลังคลุ้มคลั่ง และตรงปรี่เข้าหาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจจึงได้ปฏิบัติตามยุทธวิธีโดยการสั่งให้นายอภิชัย ทิ้งอาวุธขวานและเสาน้ำเกลือ แต่ทำให้นายอภิชัย มีอาการคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม ไม่ยินยอมและได้เดินเข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในระยะประชิด พร้อมเงื้อขวานขึ้นเพื่อฟันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สั่งให้นายอภิชัย “หยุด” และให้ทิ้งอาวุธก็ไม่เป็นผล
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ใช้อาวุธปืนประจำกาย ยิงเข้าไปที่นายอภิชัย เพื่อป้องกันตัวเอง เป็นเหตุให้นายอภิชัยได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลจากคมกระสุนตามร่างกาย จำนวน 3 แห่ง และแพทย์ทำการปฐมพยาบาลอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากนั้น ร.ต.อ.สวาท รุ่งสันเทียะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เมืองสุรินทร์ มีเหตุชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ ภายในห้องผู้ป่วยรวม โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 9 ชั้น 4 จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุรินทร์ร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุ และตรวจเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุและรับคำร้องทุกข์ไว้ทำการสอบสวนคดีอาญา ตามเลขคำแจ้งความ 9/2568 สภ.เมืองสุรินทร์ ลงวันที่ 3 มกราคม 2568 โดยมีผู้ต้องหา ประกอบด้วย ร.ต.ต.อุบล พลพาน , ส.ต.อ.วรสันต์ แดนกมล
ล่าสุด ที่บ้านผู้ตาย บ้านเลขที่ 121 หมู่ที่ บ.อุดม 5 ต.ชุมแสง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด ครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ต่างมาร่วมกันจัดเตรียมพื้นที่จัดงานฌาปนกิจ จำนวนมาก
นางปราณี บันเทิงใจ อายุ 56 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า วันนั้นลูกชายอาเจียนทั้งวัน ลุกไม่ได้ มีอาการชักสองครั้ง หลังจากฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่ จึงแจ้งรถกู้ชีพมารับไปรักษาตัวที่ รพ.จอมพระ คืนวันที่ 1 ม.ค.68 หมอตรวจเจาะเลือก เอ็กซเรย์สมอง หมอว่า คนไข้เป็นไส้ติ่งอักเสบ หมอเลยส่งตัวไปรักษาที่ รพ.สุรินทร์ ต่อ ในวันที่ 2 ม.ค.68 และเข้าผ่าตัดไส้ติ่งตอนตีสองของวันนั้น คนไข้มีประวัติเคยชัก หมอเลยฉีดยากันชัก คนไข้ฟื้นขึ้นมา ก็ถามแม่ว่า ทำไมผมเป็นอย่างนี้ หมอใส่ยาอะไรให้ผม เลยบอกไปว่า หมอกลัวชัก จะทำให้แผลผ่าตัดฉีด เลยฉีดยาให้
โดยแม่อยู่กับเขาตลอดเวลา บอกเขาว่าสู้ๆเดี๋ยวก็หาย ยานี้ก็เป็นแบบนี้แหละ แม่เคยให้ยาเขาเวลาชัก เขาจะนอนพูดไปเรื่อย เหมือนคนละเมอ เขานอนหลับ แต่มือเขาจะกระดิกไปมา แม่สงสัยว่าเกิดจากฤทธิ์ยากันชัก แม่ก็คุยกับเขาตลอด ว่าสู้ๆเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว
ตอนเกิดเหตุแม่ไปเข้าห้องน้ำกลับมา เห็นผู้ช่วยพยาบาล พูดว่ามือทำไมอยู่ไม่นิ่ง เพราะผู้ตายเอามือไปเล่นจะถอดสายน้ำเกลือให้หลุด หมอก็เปลี่ยนใส่แขนอีกข้าง และย้ายเตียง ผู้ช่วยพยาบาลสองคนพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากการฟังจากสำเนียง ลูกชายบอกทำไมย้ายมาตรงนี้ ตนเลยบอกว่าจะหายแล้ว เขาเลยย้าย จะกลับแล้ว ส่วนพยาบาลก็เอายากันชักมาฉีด เขาฉีดไม่ถึง 10 นาที เขานอนหลับและตื่นมาและถามตนอีกว่า เขาอยู่ที่ไหน ทำไมผมเป็นแบบนี้ บอกเขาให้สู้ สักพักเขาลุกพรวดและดึงสายน้ำเกลือทิ้ง แม่ก็สติหลุด เลยเรียกให้พยาบาลช่วย ช่วยด้วน แม่ก็หนี แล้วแม่ก็กลับมา เขาบอกไม่ให้มายุ่งอะไร
หลังจากนั้นก็หลุดเลย ได้ยินเสียงอาละวาด ได้ยินแต่เสียงพยาบาลร้องส่งเสียงดัง ตนก็ชะเง้อดูลูกเรื่อยๆ คนไข้ก็นอนอยู่เต็ม ที่นอนและลุกไม่ได้ถ้าเขาตีคงตายกันหมดแล้ว แต่แม่คิดว่าเขาคงข้องใจกับผู้ช่วยพยาบาล 2 คนนั้นที่ว่าเขา พอแม่เปิดประตูไปเห็นเขาถือขวาน แม่ก็กลัว แต่ตนไม่เห็นว่าลูกแม่ตีใคร เห็นแต่ยามอยู่หน้าระตู แม่วิ่งลงมาทางประตูหนีไปสักพักก็ได้ยินเสียงปืน 4 นัด แม่โทร.คุยกับลูกคนโตว่า น้องมันคลั่ง มันหลอนอาละวาด ให้มาดูน้อง พอได้ยินเสียงปืน เท่านั้นเลยรู้ว่าเจ้าหน้าที่คงยิงแล้ว เลยบอกให้พาพี่น้องมาที่ รพ.สุรินทร์เลย
ตอนเขาอายุประมาณ 16 ปี เขามีประวัติเสพยาอยู่ แต่ตอนนี้เขาบอกเลิกแล้ว แต่ตนไม่เคยเชื่อลูก เพื่อนๆเขาบอกว่าเขาไม่เคยยุ่งและแตะต้องเลย แต่เหล้าเขากินหนัก ตนติดใจ คือลูกแม่ไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ได้ทำร้ายผู้ป่วยหนักหนา แค่ทำลายข้าวของ ทำไมต้องถึงขั้นวิสามัญลูกแม่ด้วย ระหว่างเกิดเหตุตนก็ไม่เห็น แต่เพื่อความชัดเจนและสบายใจ แม่ขอดูกล้องวงจรปิด ว่าลูกชายทำอะไรยังไงบ้าง จะได้รู้ว่าลูกตนเองไล่ตีพยาบาลหรือตีใครมาบ้าง ที่ข้องใจอยู่
เมื่อวานนี้ รอง ผอ.รพ.สุรินทร์ ก็มาส่งตนเองที่บ้านพร้อมกับศพ เขาก็พูดแสดงความเสียใจ กับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ตำรวจยังไม่มา เขาบอกว่าสุดวิสัย เป็นการป้องกันตัว คนตายเป็นลูกคนสุดท้อง ตนมีลูก 3 คน และจะเผาลูกตอนเช้าวันอาทิตย์นี้ที่วัดบ้านอุดม ต.ชุมแสงฯแม้ข้องใจอยากดูกล้องวงจรปิด ฝากนักข่าวด้วย
สังคมตอนนี้ก็โจมตีแม่แล้ว บางคนว่าลูกเราดี แต่เราก็ต้องสืบสอบถามชาวบ้านชาวช่องด้วย ว่าลูกเป็นคนยังไง ถึงเขากินเหล้าหนัก อัธยาศัยดี เขาไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยเป็นแบบนี้ ช่วยงานชาวบ้านตลอด น่าจะเกิดจากยาหมอให้หรือไม่ที่ทำให้ลูกชายคลุ้มคลั่งและทราบเรื่องการเยียวยาด้วย ไม่ใช่สังคมโจมตีว่าลูกชายและตายอย่างหมาข้างถนน ไม่มีแม่คนไหนหรอก ที่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ อยากให้รู้หัวอกคุณแม่ด้วย แม่ผู้ตาย กล่าว
ด้าน นางสุพิน มสาธานัง อายุ 42 ปี น้าสาวผู้ตาย บอกว่า ผู้ตายเป็นคนขี้เล่น ชอบหยอก เงียบขรึม นิสัยธรรมดา ตามประสาวัยรุ่น ส่วนใหญ่เขาชอบชัก การคลุ้มคลั่งไม่มี มีแต่เคยขู่ถ้ามีปัญหากับใคร แต่ไม่เคยมีถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ติดว่า การที่ไปรักษาตัวในนามคนป่วย แต่ญาติกลับได้รับศพมา การกระทำของตำรวจเกินกว่าเหตุไหม อยากให้เขาได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่รูว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่เห็นสภาพศพแล้วรับไม่ได้ เห็นว่าโดนยิง ฝ่ามือ แขน ซี่โครงทะลุ และต้นขา น่าจะสี่นัด การระงับเหตุยิงขาแล้วไม่อยู่ถึงขั้นยิงถึงปอดถึงซี่โครงเลยหรือ เขาผ่าตัดใหม่ๆไม่มีแรงขนาดนั้น ทำไม รปภ.20 คนเอาไม่อยู่ ถึงขนาดให้เขาต้องได้ไปเอาอาวุธขวานได้ แล้วยุทธวิธีตำรวจไม่มีทำเบากว่านี้หรือ ที่ว่าไม่ใช้ปืนจริงกระสุนจริง แต่นี่ใช้ถึงขั้นใช้กระสุนจริงจนต้องเสียชีวิต อยากทราบควรมกระจ่างในเรื่องนี้และขอเรียกร้องความเป็นธรรมด้วย
ขณะที่ นายรุจิภาส มีกุศล สมาชิกวุฒิสภา จ.สุรินทร์ (สว.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ขณะเกิดเหตุ ตนเองไปทำธุระและแวะทานกาแฟที่ร้านอเมซอน ด้านล่างอาคารดังกล่าวพอดี ได้ทราบว่ามีชายคลุ้มคลั่งที่ชั้น 9 หลังจากนั้นประมาณ 20 นาที พบ จนท.ตำรวจขึ้นไประงับเหตุ ตำรวจขึ้นไปได้ประมาณ 3 นาที ตนก็ได้ยินเสียงคล้ายปืนดัง 3-4 นัด และก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแม่ผู้ตาย คุยโทรศัพท์ร้องให้อยู่ พูดประมาณว่าเขาทำลูกชายแล้ว
จากนั้นตนก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น ประชาชนจะได้ระมัดระวังไม่เข้าไปใกล้บริเวณอาคารดังกล่าว และจะได้ไม่เกิดอันตราย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ โดยใน รพ.ไม่พบว่ามีการแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ รพ.ได้รับทราบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ จนท.ตำรวจ จะมีการแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ และทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า จนท.ตำรวจได้เข้าไปเก็บข้อมูลภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุมาแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา