xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) นายกสมาคมไวยาวัจกรชี้ "คนตื่นธรรม" จาบจ้วงหนัก ตั้งปมสงสัยเงินบริจาค แนะ "ทนายอนันต์ชัย" เร่งตรวจสอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - "ทนายพจน์" นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย จี้หลายองค์กร เร่งตรวจสอบสถานะการเงิน "อ.เบียร์" หลังมีการเปิดรับบริจาค ปูดเอกสารคนสอนธรรมะเป็นบุคคลล้มละลาย สำนักงานพระพุทธศาสนาต้องเร่งตรวจสอบ

หลังจากอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม บอกสังขารพระเกจิอาจารย์ที่ไม่เน่าเปื่อย ก็เหมือนหมาแมวที่ตายไปไม่เน่าเปื่อยก็มี ไม่เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ชาวพุทธจำนวนหนึ่งแสดงความไม่พอใจ โดยเห็นว่า อ.เบียร์วิพากษ์วิจารณ์ไม่เหมาะสม และเป็นการจาบจ้วงครูบาอาจารย์ ซ้ำยังเป็นการย้อนรอยจารีตประเพณีที่คนรุ่นก่อนได้มีความเคารพนับถือ

ล่าสุด นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ได้ศึกษาและจับตาพฤติกรรมของนายเบียร์ มานานแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่มีข้อสงสัยในการสอนหลักธรรมให้ญาติโยม ทั้งนี้ ยังมีคนส่งข้อมูลการติดหนี้สินถึงขั้นมีคำสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดจากทีมงานนักกฎหมาย โดยเฉพาะนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และองค์กรต่างๆ เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของแหล่งที่มาของเงินว่าถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีลักษณะย้อนแย้งกับการออกมาสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมหลายกรณี โดยเฉพาะการจาบจ้วงถึงครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับ และเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า การที่ นายเบียร์ ออกมาพูดเรื่องดังกล่าวตนได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้วรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมเพราะเป็นการกระทบไปถึงศิษยานุศิษย์ของพระเกจิโดยรวม ซึ่งการเก็บสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านเอาไว้ถือเป็นจารีตประเพณี เอาไว้ให้เป็นสิ่งที่คอยเตือนสติในการทำความดี แต่นายเบียร์ได้เอาไปเปรียบเทียบย่ำยีจิตใจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่า การพูด พูดไม่คิด กับปาก ต้องแยกกันให้ออกเพราะเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งการที่นายเบียร์ ได้ออกมาสอนให้หลักธรรม โดยหยิบเอาตอนหนึ่งของพุทธวจน มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ ซึ่งโดยหลักพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ นายเบียร์จะต้องไปศึกษาโดยรวมให้ครบถ้วนเสียก่อนไม่ใช่นำมาสอนเพียงแค่สิ่งที่ตัวเองเชื่อและเข้าใจ และสร้างเรื่องให้ผู้คนหลงเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้นำเสนอ ซึ่งตรงนี้ต้องเป็นสิ่งที่ระวังไว้ให้มาก

นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อว่า จากการดูคลิปแล้วสิ่งที่นายเบียร์ พูดเป็นคลิปที่ถูกตัดต่อเพราะตนได้ดูภาพรวมทั้งหมดแล้วเข้าใจตรงกันกับคลิปสั้นถึงการจาบจ้วงพระผู้ใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมา เห็นมีการพูดลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว มีการกระทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระบวนการที่ได้พูดถึงสรีระสังขารกระทบกระเทือนไปถึงหลายวัด ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่คิดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจชาวพุทธก็ไม่ควร ไม่ต้องแสดงความเป็นคนปากเสียออกมาก็ได้

สำหรับตนมองว่าการสอนทางธรรมไม่จำเป็นต้องใช้คำหยาบคายเพราะลักษณะที่พูดออกมาเจ้าตัวจะอ้างว่าพูดในวงแคบ และคนที่รู้จักกันเท่านั้น ไม่ได้เพราะมีการพูดผ่านโซเชียล หรือจะพูดในลักษณะแบบนี้แล้วบอกว่าเป็นการใช้ภาษาที่เป็นปกติ เรื่องนี้ผมยืนยันว่าไม่ใช่คำปกติ ไม่เช่นนั้นครูบาอาจารย์ใช้คำเหล่านี้สอนกับนักเรียนไปแล้ว ยิ่งเฉพาะเคยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของรัฐสภา ได้เชิญไปให้บรรยายธรรม กระทั่งมีกระแสว่าไม่เหมาะสมแต่ยังมีการมาเถียงแทนว่าเป็นคำปกติที่คนไทยทั่วไป ซึ่งตนมองว่าตรงนี้เป็นตรรกะที่ปัญญาอ่อนมาก


นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อไป ว่าสิ่งที่นายเบียร์ ออกมาพูดนั้นย้อนแย้งทั้งเรื่องในการ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่ญาติโยมจะมีการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาโดยการสร้างโบสถ์สร้างวิหารไว้ให้หมาแมวเดิน แต่ตัวเองมีการเปิดรับบริจาคเพื่อที่จะไปสร้างเจดีย์ให้นกได้ขี้ใส่ อันนั้นเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งไปหมด และมีความสับสนในการให้ความรู้ เรื่องนี้ตนขอท้าทายให้นายเบียร์ ฟ้องมาได้เลยขอบอกว่านายเบียร์ให้ข้อมูลมั่วไม่เป็นความจริง อยากจะท้าให้เขามาแสดงเจตนา และไม่กลัวแฟนคลับของเขาเพราะตนพูดในส่วนของความถูกต้องและเป็นภาพรวมที่ปรากฏขึ้น

ทั้งนี้ ในกรณีข้อมูลแพร่สะพัดถึงเอกสารว่ามีคนสอนธรรมะ ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย เรื่องนี้ตนอยากให้ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม รวมถึงทนายหมี และองค์กรอื่นๆ ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นการปกปิดไม่ให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลมาก่อน และเจ้าตัวไม่ได้มีการออกมาพูดเรื่องนี้แต่อย่างใด แสดงว่ามีเจตนาที่จะไม่เปิดเผย


นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับประเด็นในเรื่องของการเปิดรับบริจาคของคนคนนี้ หากกลายเป็นบุคคลที่มีสภาพเป็นบุคคลล้มละลาย มีข้อสังเกตว่าแล้วเงินบริจาคจะเป็นของใคร เพราะหากเงินบริจาคเข้าสู่บัญชีแล้วทรัพย์ที่ได้มากจะต้องมีสภาพแบ่งเฉลี่ยให้ทางเจ้าหนี้ หรือหากมีการโอนไปให้บัญชีอื่น บัญชีที่รับโอนนั้นจะกลายเป็นบัญชีม้าหรือไม่ อันนี้เข้าข้อกฎหมายให้ตรวจสอบ ซึ่งหากพบเป็นกระบวนการในการกระทำความผิดจริง จะเข้าข่ายทางกฎหมาย เห็นควรว่าทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา องค์กรอื่นๆ ควรจะลุกขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ได้แล้ว

"ขอย้ำว่าคลิปที่ผมได้ดูไม่ได้เป็นคลิปที่ถูกตัดต่อและถ้าเจ้าตัวจะออกมาขอโทษและบอกว่าถูกหลอกถูกตัดต่อ ถูกนำมาใส่ร้ายป้ายสีตนไม่เชื่อ เพราะเจตนาเป็นแบบนั้นมาหลายครั้ง และหากกรณีล้มละลายเป็นจริงน่าสงสัยเพราะคนที่ออกมาให้ความรู้ทางธรรมควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติตนได้ดี และต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย เรื่องนี้ประชาชนที่รู้ควรจะมาตรวจสอบคนตื่นธรรมได้แล้ว" นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวปิดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น