เชียงราย - กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ตระเวนลงพื้นที่ตรวจสนามบินแม่ฟ้าหลวงฯ พบเทศกาลปีใหม่ 67-68 เที่ยวบินระหว่างประเทศขยายตัว 400% ผู้โดยสารโต 240% พร้อมเดินหน้ากระดับารบริการรองรับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง-จีนตอนใต้
วันนี้(3 ม.ค.) ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เดินทางมาตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.) เพื่อติดตามการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ตามสั่งการนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ซึ่งนาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ผชร.) และผู้บริหารทชร. ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกและการให้บริการพร้อมนำเสนอข้อมูลและรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบาย“เทศกาลความสุขทุกที่ทั่วไทยเดินทางสะดวกปลอดภัยบนโครงข่ายคมนาคม”
โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 (รวม 7 วัน) มีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกทชร. จำนวน 46,190 คนหรือเฉลี่ยวันละประมาณ 6,599 คนแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1,117 คน (2.42%) ผู้โดยสารภายในประเทศ 45,073 คน (97.58%)
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 11.97% อัตราการเติบโตของเที่ยวบินระหว่างประเทศ 400% อัตราการเติบโตของเที่ยวบินภายในประเทศ 9.22% จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 13.05% และอัตราการเติบโตของผู้โดยสารระหว่างประเทศ 240% อัตราการเติบโตของผู้โดยสารภายในประเทศ 11.71%
และระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม 2568 คาดการณ์มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการทชร. ประมาณ 20,750 คนและมีจํานวนเที่ยวบินรวม 124 เที่ยวบินโดยทชร. ได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารโดยเปิดช่องทางใช้งานระบบ Biometric ตามที่ทอท. มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนแนะนำและเน้นย้ำ
อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาในการเดินทางมายังท่าอากาศยานอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน ซึ่งท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพการให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาให้เป็นท่าอากาศยานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนตามมาตรฐานเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังและเพื่อยกระดับการบริการ อีกทั้งมีความพร้อมรองรับและให้บริการแก่กลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและภูมิภาคจีนตอนใต้ในการเดินทางในอนาคต.
