xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) "หลวงพี่น้ำฝน" ทำใจยาก "อ.เบียร์" เปรียบสังขารพระเกจิที่ไม่เน่าเปื่อยเหมือนร่างหมาแมว ให้ "ทนายอนันต์ชัย" ดูผิดกฎหมายหรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - หลวงพี่น้ำฝนเผยยากจะทำใจ หลัง อ.เบียร์ บอกสังขารพระเกจิอาจารย์ที่ไม่เน่าเปื่อย ก็เหมือนหมาแมวที่ตายไปไม่เน่าเปื่อยก็มี ไม่เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ชี้คำพูดแรงไป ไม่ให้เกียรติครูบาอาจารย์ จะตอบโต้แรงๆ ก็ได้ แต่ปลงแล้ว บอกลูกศิษย์อย่าโกรธแค้นจองเวร ให้กรรมเป็นของเขาเอง พร้อมให้ "ทนายอนันต์ชัย" ดูผิดกฎหมายหรือไม่

วันนี้ (3 ม.ค.) จากประเด็นร้อนแรงรับต้นปี เมื่อปรากฏมีคลิปบนโซเชียลเพจ อ.เบียร์ (คนตื่นธรรม) ได้ปรากฏข้อความ "พระที่มรณภาพ ไม่เน่า ไม่เปื่อย เพราะศักดิ์สิทธิ์?" โดยมีภาพและเสียง อ.เบียร์ ได้อ่านข้อความจากคำถามบนหน้าเพจ ซึ่งได้ตอบคำถามว่า "ศักดิ์สิทธิ์ห่าอะไรล่ะ หมาก็มีนะที่ไม่เน่าเปื่อย อันนี้กูไม่ได้ดูถูกครูบาอาจารย์นะ ครูบาอาจารย์ที่มีดีเยอะแยะไม่เกี่ยว อันนี้กูพูดถึงความเห็นต่าง ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ร่างกายไม่เน่าเปื่อยศักดิ์สิทธิ์เนี่ยศักดิ์สิทธิ์ มึงไปดูสิต่างประเทศเนี่ยที่ไม่เน่าไม่เปื่อยเนี่ย หมาแมวที่ตายแล้วมันไม่เน่าน่ะไปหาดูสิ มันจะไปเกี่ยวห่าอะไรกับศักดิ์สิทธิ์ มึงไปปรุงแต่งกันเอาเอง มีประเทศเดียวนี่แหละที่มากราบศพมากราบร่างกายที่ไม่เน่าไม่เปื่อย ไปสนใจอยู่แต่กับของทิ้งแล้วของครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านทิ้งแล้วพวกมึงเอามากราบไหว้กัน เป็นของทิ้งนั่นน่ะ ใช่หรือเปล่า" จากนั้นคลิปก็ได้ตัดจบลงไป



ซึ่งจากกระแสดังกล่าวได้มียอดคนกดไลก์อยู่ที่เกือบ 3.8k และมียอดคอมเมนต์อยู่ประมาณ 1,000 ข้อความ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มีการท้วงติงและสอบถามไปว่าอาจารย์เบียร์ใช้คำรุนแรงเกินไปหรือไม่ และการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกศิษย์ลูกหายังให้ความเคารพนับถือกันมา


โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ได้เห็นคลิปมาตั้งแต่เมื่อคืนซึ่งลูกศิษย์ลูกหาได้ส่งมาให้ดูและเมื่อเห็นแล้วก็เกิดความไม่สบายใจ และรู้สึกว่า อาจารย์เบียร์ ใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไป เป็นการจาบจ้วงไม่ให้เกียรติครูบาอาจารย์ และยังทำให้ลูกศิษย์หลายคนเกิดความโมโหแสดงความไม่พอใจ แต่ได้ให้แนวทางว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรรม ใครทำสิ่งใดก็ได้แบบนั้น และได้เตือนสติลูกศิษย์ว่าควรใช้สติอย่าใช้อารมณ์ ส่วนกรณีนี้จะเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ ขอให้เป็นความเห็นของทางทนายอนันตชัย ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ที่ควรออกมาตรวจสอบเรื่องนี้ รวมถึงต้องสอบถามความเห็นไปยังนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นเหมาะสมหรือไม่

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า การที่อาจารย์เบียร์ ออกมาให้ความเห็นแบบนั้นถือว่าไม่สมควร เพราะพระเถราจารย์ที่ท่านละสังขารและมีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อยโดยลูกศิษย์ลูกหาได้เก็บไว้นั้น เป็นเพราะประสงค์ของท่าน อย่างเช่นหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ท่านได้แจ้งเอาไว้กับอาตมาตั้งแต่บวชพรรษาแรกว่า ท่านจะละสังขารในวันวิสาขบูชา หรือแม้แต่สรีระสังขารของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม พระเกจิสายนี้ก็เป็นสายเดียวกัน และสรีระสังขารของท่านก็คงกระพันเหมือนกัน


แม้แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็มีสรีระที่ไม่เน่าเปื่อย ลูกศิษย์ลูกหายังคงเก็บไว้เป็นศรัทธา ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่การที่เอาสรีระสังขารของท่านไปเปรียบกับหมา เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ถ้าจะให้อาตมาพูดแรงๆ หยาบคายกว่าอาจารย์เบียร์ก็พูดได้ แต่อาจจะมาได้ปลงไปแล้วตอนนี้ได้ดับความทุกข์ร้อนในใจ โดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ การเก็บสรีระสังขารของท่านเหล่านั้นก็เป็นมติโดยรวมของลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เพื่อที่จะเก็บเอาไว้ให้เป็นเครื่องบูชา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการประกอบคุณงามความดีตามรอยของท่านต่อไป

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อไปว่า การที่เราจะสอนหลักธรรมให้ญาติโยมเราจะมาคิดว่าเราทำถูกอยู่คนเดียวไม่ได้ ซึ่งลูกศิษย์ส่งมาให้ อาตมาได้ดูมีความโกรธแค้นไม่สบายใจเพราะเอาครูบาอาจารย์ของเขาไปเปรียบกับหมา เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ การที่เขาออกมาพูดแบบนั้นมาลบหลู่เดี๋ยวปัญหาก็จะเกิดกับตัวเขาเอง หากจะย้อนกลับไปก็มีพระเกจิอาจารย์พระเถราจารย์หลายท่านที่สรีระของท่านได้ย่อยเปลี่ยนสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งถ้าไม่มีเหตุลูกศิษย์จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพไปตามกระบวนการ แต่หลายท่านจะทราบว่าท่านมีวาระจิตที่จะบอกลูกศิษย์ของท่านซึ่งท่านจะเป็นผู้รู้ด้วยตัวท่านเอง เปรียบเหมือนเป็นการทำพินัยกรรมเอาไว้ เช่น ที่วัดไผ่ล้อมคณะสงฆ์ได้มีการสวดบทธรรมจักรที่หน้าสรีระสังขารของท่านตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน และทำอย่างนี้มาตลอด 20 ปี นี่คือความศรัทธาที่เรามีต่อครูบาอาจารย์ของเรา

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า อย่างเช่นกรณีนี้อาจารย์เบียร์ ต้องรู้สึกว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครขาวไปทั้งหมด เราจะมีสีอื่นบ้างสีเทา สีดำ สีส้ม หรือสีอะไรเราก็ต้องพิจารณาตัวเองว่าเราอยู่ในสถานะใด แต่อาจารย์เบียร์มาให้แนวคิดแบบนี้ลูกศิษย์ของอาตมาเมื่อได้ทราบแล้วก็ควันออกหูกันทุกคน อาตมาได้บอกเพียงแต่ว่า เรื่องนี้เป็นกรรมของใครที่ทำเอาไว้ก็จะได้รับแบบนั้น เพราะสรีระสังขารของท่าน ก็อยู่ของท่านดีๆ แต่มีคนเอาไฟมาสุมมาสาดใส่ เราแค่หยุดคิดหยุดแค้น และหยุดจองเวรกรรมกันต่อไป อาตมาสอนได้แค่นี้

อย่างเช่นอาตมามีสติปัญญาแค่ให้ลูกศิษย์ลูกหาญาติโยมได้ปฏิบัติดีก็ยึดไว้แค่สี่อย่าง คือ ขยัน ซื่อ อดทน และรู้บุญคุณคน ก็สอนมาอย่างนี้ นี่คือสิ่งที่อาจจะมาบอกได้ แต่การที่อาจารย์เบียร์มาจับจ้วงครูบาถือว่าแรงมาก หลายคนยากจะทำใจรับได้


"สำหรับกรณีมีโยมมาสอบถามอาตมาว่าคนที่เป็นหนี้สินพะรุงพะรัง และต้องโทษทางคดีอาญามาแล้ว เช่น ถูกศาลมีคำสั่งให้ล้มละลาย จะเข้ามาบวชได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นประธานพระวิญญาณธิการภาค 14 ตอบได้ว่าคนที่มีคดีค้างคาอยู่ยังไม่สามารถจะมาบวชได้ จนกว่าจะพ้นโทษและรับโทษจากคดีนั้นให้เสร็จสิ้น ซึ่งประเด็นที่ถามมาอาตมาไม่ทราบว่าถามถึงใคร แต่เรื่องนี้อาตมาจะขอพูดเพียงส่วนของพุทธศาสนาและความศรัทธาในพระเถราจารย์ ส่วนข้อกฎหมายเรื่องเกี่ยวกับเงินทอง หนี้สิน ขอให้ไปถามที่โยมทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และนายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทยซึ่งจะทราบข้อกฎหมายเรื่องนี้อาตมาคงไม่ไปยุ่งด้วย" หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย

ขณะที่ นายณัฐธิชัย กัลยา อายุ 58 ปี ชาวตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ในฐานะพุทธศานิกชนคนหนึ่ง ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าทราบข่าวและได้ดูคลิปเมื่อเช้านี้ขนาดกินข้าวแล้วได้บอกกับภรรยาว่ากินข้าวไม่อร่อย และทุกข์ใจ ยอมรับไม่ได้กับสิ่งที่อาจารย์เบียร์ออกมาพูด เพราะอาจารย์เบียร์ ได้ทำร้ายความรู้สึก ในฐานะที่ตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง


นายณัฐธิชัย บอกว่า การที่อาจารย์เบียร์ออกมาจาบจ้วงสถาบันพระพุทธศาสนา ผู้ใหญ่ และพระภิกษุสงฆ์ต่างๆ นานา รวมถึงการสร้างวัตถุบวร หลายครั้งเป็นการบั่นทอนจิตใจชาวพุทธโดยเฉพาะตนที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ซึ่งอยากจะถามว่าหากวัดไม่มีการจัดการในการจัดสร้างบวรวัตถุ จะมีรายได้จากไหนมาดูแลวัด ทั้งค่าน้ำค่าไฟและค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งคนที่เข้าไปทำนุบำรุงทำบุญล้วนแต่ไปด้วยความศรัทธาทั้งสิ้น และการที่มีการจาบจ้วงไปถึงวัตถุมงคล ของสมเด็จพระพุทธจารย์โต ซึ่งท่านได้บอกไว้ว่าวัตถุมงคลของท่านไม่ได้เป็นการสร้างอภินิหาร การที่จะมีอภินิหารต้องมีศรัทธาอภินิหารจึงเกิดขึ้น และสิ่งเหล่านี้ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ตนก็เชื่อว่ามีอยู่จริง การไปกล่าวถึงท่านแบบนั้นรู้สึกไม่สบายใจ

นายณัฐธิชัย บอกอีกว่าอาจารย์เบียร์จะสอนธรรมะก็สอนไป แต่การสอนไปแล้วมีการจาบจ้วงพระเกิจอาจารย์ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรมาก อยากให้อาจารย์เบียร์หยุดการกระทำ เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นการทำลายความเชื่อมั่นศรัทธาของญาติโยมในพระพุทธศาสนา และอยากจะบอกว่ากระโถนที่อาจารย์เบียร์จะใช้ไว้ฟาดคนอื่น มันกำลังจะกลับมาฟาดที่ตัวอาจารย์เบียร์เอง

"ถ้าผมอยู่ต่อหน้าผมอยากจะถามอาจารย์เบียร์ว่าสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นมันถูกต้องจริงหรือ แล้วมันถูกต้องทั้งหมดแล้วหรือยัง ผมอยากจะถามท่านจริงๆ" นายณัฐธิชัย กล่าวทิ้งท้ายด้วยความโมโห

ขณะเดียวกัน กระแสดังกล่าวได้เริ่มแพร่สะพัดออกไปซึ่งได้มีพุทธศาสนิกชน ประชาชนทั่วไปได้เริ่มเห็นคลิปดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้านี้ และเริ่มเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้งในวงการพระพุทธศาสนา และสังคมมีการจับจ้องว่าอาจารย์เบียร์ จะออกมาตอบโต้หรือชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร เนื่องจากคำพูดเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจของลูกศิษย์ลูกหาของพระเถราจารย์ผู้ล่วงลับหลายท่านที่ได้ออกมา แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงกับกรณีนี้ ขณะเดียวกัน เอกสารคำสั่งศาลปรากฏบุคคลคล้ายคนสอนธรรม ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลายแพร่สะพัดเป็นวงกว้าง ตั้งคำถามใช่อาจารย์เบียร์หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น