ศูนย์ข่าวศรีราชา - สาวร้องสื่อ แฟนหนุ่มนักธุรกิจชาวจีนถูกการ์ดผับดังย่านวอล์กกิ้งสตรีทรุมทำร้ายปางตาย ประกาศศักดาเส้นใหญ่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรมแม้แจ้งตำรวจช่วยตามจับแล้วก็ตาม ด้าน ผกก.สภ.พัทยา ยันไม่นิ่งนอนใจ ชี้พฤติกรรมทำลายภาพลักษณ์ท่องเที่ยว
วันนี้ (31 ธ.ค.) น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ได้นำภาพถ่ายแฟนหนุ่มชาวจีนซึ่งอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อขอความเป็นธรรม หลังแฟนหนุ่มซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวจีนได้ถูกกลุ่มการ์ดสถานบันเทิงในโครงการถนนคนเดิน “วอล์กกิ้ง สตรีท” แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พร้อมบอกว่าหลังเกิดเหตุตนพร้อมแฟนหนุ่มได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา แต่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุประกาศศักดาว่าเส้นใหญ่ แม้ตนจะแจ้งความกับตำรวจก็ทำอะไรกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้
น.ส.บี ยังบอกอีกว่า ในวันเกิดเหตุตนและแฟนหนุ่มพร้อมกลุ่มเพื่อนได้ไปเที่ยวที่ผับซึ่งเป็นร้านประจำในโครงการวอล์กกิ้งสตรีท และได้เล่นเกมดื่มเหล้ากันภายในโต๊ะแต่พลาดทำแก้วตกแตก โดยยืนยันว่าแฟนหนุ่มไม่ได้เป็นคนทำแก้วแตก แต่กลับถูกการ์ดของร้านคุมตัวออกไปจนทำให้แฟนหนุ่มเกิดความไม่พอใจเนื่องจากได้จ่ายเงินค่าเสียหายให้แล้วเหตุใดถึงถูกไล่ออกจากร้าน
"กระทั่งเกิดการยื้อกระชากขึ้นจนแฟนหนุ่มได้รับบาดเจ็บที่คอ และยังถูกการ์ดลากไปต่อยจนฟันหลุด 3 ซี่ และถูกกระทืบซ้ำอย่างป่าเถื่อน เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงแจ้งตำรวจให้เข้าห้ามปราม แต่ยังถูกกลุ่มการ์ดประมาณ 5 คนถามกลับว่าอยากจะโดนด้วยใช่มั้ย ก่อนจะหันกลับไปรุมทำร้ายแฟนหนุ่มต่อจนต้องมีคนเข้าช่วยห้าม แต่แฟนหนุ่มอยู่ในสภาพที่เลือดท่วมหน้าแล้ว และกลุ่มการ์ดยังท้าให้เรียกตำรวจและบอกว่าทำอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ด้วยตัวเอง"
น.ส.บี ยังเผยถึงอาการบาดเจ็บของแฟนหนุ่มว่า นอกจากจะฟันหัก 3 ซี่แล้ว ยังได้รับบาดเจ็บที่ตา และยังต้องเย็บที่โหนกแก้ม รวมทั้งมีอาการศีรษะปูดบวม
"อยากให้ทางร้านออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งออกมารับผิดชอบการกระทำสุดป่าเถื่อนของการ์ด และอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อความเป็นธรรมให้ตนเองและแฟนหนุ่ม" น.ส.บี กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา เผยว่าหลังทราบเรื่องไม่ได้นิ่งนอนใจและได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาเบาะแสทั้งจากพยานแวดล้อมและกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อเป็นหลักฐานในการเอาผิดกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มีพฤติกรรมรุนแรง และยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเมืองพัทยา โดยจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด