มหาสารคาม-ซวยส่งท้ายปีเก่า ไฟไหม้บ้านที่บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัยหลายหลัง ต้องระดมรถดับเพลิงจาก อบต.ใกล้เคียงนับ10คันควบคุมเพลิง มีบ้านถูกเผาวอดทั้งหมด 2 หลังอีก 6 หลังเสียหายบางส่วน เจ้าของบ้านเผยโชคร้ายรับปีใหม่ เป็นการส่งท้ายปีที่ไม่มีความสุข
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา(27 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.หัวขวาง พร้อมด้วยสมาคมกู้ภัยกตัญญูมหาสารคาม รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านชาวบ้าน ที่บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมรถดับเพลิง จาก อบต.ใกล้เคียงจำนวน 10 คัน
ถึงที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านของ ธนกฤช ทิพย์เณร บ้านเลขที่ 113 บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้าน2ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยเพลิงลุกไหม้ชั้น 2 ก่อนลุกลามไปยังบ้านของบ้านเลขที่ 13 นางมะลิ หลักเชียงยืน บ้านสองชั้น ได้รับความเสียหายทั้งหลัง
นอกจากนี้เพลิงยังไหม้บ้านอีก 6 หลัง ประกอบไปด้วย บ้านเลขที่ 68 มีนายปอน พันธ์ฤทธิ์ เป็นเจ้าของบ้าน,
บ้านเลขที่ 229 มีนางสมพร โพพาน เป็นเจ้าของบ้าน เสียหายบางส่วน, บ้านเลขที่ 70 มีนายสถิตย์ สามเมืองปัก เป็นเจ้าของบ้าน เสียหายบางส่วน, บ้านเลขที่ 70/1 มีนางตุ๋น สามเมืองปัก เป็นเจ้าของบ้าน เสียหายบางส่วน
บ้านเลขที่ 151 มีนางไมล์ จุมพล เป็นเจ้าของบ้าน เสียหายบางส่วน
จากการสอบถามนายธนกฤช ทิพย์เณร เจ้าของบ้าน เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนได้นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนชั้น 2 ของบ้านซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านต้นเพลิง จนเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ได้ยินเสียงดังโครมมาจากบนบ้านต้นเพลิง ซึ่งคิดในใจว่ามีคนมาทุบบ้านหรืออาจจะมีขโมยขึ้นบ้าน ก็เลยถือเสียมกับเหล็กลงมาดู พอเดินมาดูใกล้ ๆ ก็พบกลุ่มควันจำนวนมาก ที่ชั้น 1 ของตัวบ้าน จึงใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาทุบกระจก ควันก็ทะลักออกมาและเมื่ออากาศเข้าไปเท่านั้น ไม่ถึง 20 นาที ก็พบว่า บ้านทั้งหลังมีไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว และลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง
โดยภายในบ้านมีสิ่งของมีค่าเป็นจำนวนมาก ทั้งเงินสดที่สะสมมา ทองคำ บัตรเอทีเอ็ม เข็มพระราชทาน เอกสารสำคัญ ตอนนี้ไหม้ไปหมด ตนและภรรยาเหลือแค่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่คนละชุดเท่านั้น ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตนและครอบครัว ถือเป็นความโชคร้ายส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คิดว่าเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้คงจะไม่มีความสุขเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา
ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบและการพิสูจน์หลักฐาน ของเจ้าหน้าที่ ตำรวจเพื่อหาสาเหตุที่แน่จริงอีกครั้งต่อไป