พิษณุโลก - ผอ.สำนัก 4 กรมป่าไม้ สั่งจนท.แกะรอยหาตัวทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย รวม 3 ราย ร่วมกระบวนการโค่นต้นยางนา-ตัดทอนกองเกลื่อนป่าชาติตระการ ถึง 132 ท่อน
วันนี้(27 ธ.ค.) นายชัยวัฒน์ แสงศรีจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ได้เข้าร่วมตรวจสอบของกลางต้นยางนา ที่ถูกนายทุนลักลอบโค่นและตัดทอนวางเกลื่อนข้างลำห้วยคลึง หมู่ 1 ต.สวนเมี่ยง อ.ชาติตระการ ทั้งหมดถึง 132 ท่อน ก่อนเดินตรวจสอบร่องรอยต้นตอจำนวน 28 ต้น บริเวณต้นยางนาที่ขึ้นริมลำห้วยคลึง
เบื้องต้นสั่งให้ เจ้าหน้าป่าไม้ คือ หัวหน้าหน่วย พล.4 ป่าแดง-แก่งบัวคำ ติดตามผู้กระทำผิดประกอบคดีเพื่อส่งพนักสอบสวนสภ.ชาติตระการ พร้อมประสานรถบรรทุกจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 พิษณุโลก กรมอุทยานฯชักลากไม้เร่งด่วน ก่อนถึงเทศกาลปีใหม่
ซึ่งจากหลักฐานที่พบยืนยันได้ว่า คนในพื้นที่ขายไม้แก่นายทุนต่างถิ่น ถือเป็นไม้ออเดอร์ ปรากฏร่องรอยการตัดโค่น โดยใช้เลื่อยโซ่ยนต์ โดยใช้รถเครื่องจักรหนัก (รถแบ็คโฮ) ชักลากรวมกองเพื่อเตรียมการชักลาก แต่ไม่พบบุคคลอ้างว่า เป็นผู้ตัดโค่น จับพิกัดตอไม้ยางทั้งหมด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงตีนตก นอกเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. 4-01
นายชัยวัฒน์ แสงศรีจันทร์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 เผยอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกนาย ที่ปฏิบัติงานกันอย่างแข็งขัน เพื่อปกป้องป่าไม้ ที่เป็นสมบัติของชาติ ปราบปรามผู้กระทำผิดให้ได้ หากพบเห็นการตัดป่าไม้ สามารถแจ้งได้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าในพื้นที่ได้ทันที
ด้านนายธีรพล กาญจนโกมล หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กล่าวว่า ก่อนตรวจยึด จนท.ป่าไม้ พบรถเทรลเลอร์ 1 คัน จอดข้างกองไม้ มีชาย 3 คนยืนพักอยู่ จากการสอบถาม ทำให้ทราบข้อมูลว่า เตรียมจะนำรถเทรลเลอร์มาชักลากไม้ตามที่มีผู้ว่าจ้าง และนำเอกสารเกี่ยวกับรายละเอียดการทำไม้แสดงต่อคณะหน้าที่ป่าไม้
ตรวจสอบหนังสือระบุว่า ไม้ที่ปลูกขึ้น ไม่ใช้ไม้หวงห้ามในเขตปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก. 4-01) และมีสำเนาหนังสืออนุญาต เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน เลขที่ 6275 เล่ม 63 หน้า 75 หนังสือมอบอำนาจจากทายาทในที่ดิน มอบอำนาจให้นางรุ่งนภา (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้มีอำนาจจัดการทำไม้ ทุกชนิด ในที่ดินของจ.ส.อ.เดชา โดยการตัดโค่น ตัดทอน ชักลาก เคลื่อนย้าย และยังพบว่า มีผู้ซื้อรายที่ 1 และ รายที่ 2 อีกด้วย
เบื้องต้นเชื่อว่าทายาทในที่ดินดังกล่าว รับมรดกที่ดินจากภรรยาที่เสียชีวิต แล้วขายต่อให้นางรุ่งนภา (ผู้ซื้อบุคคลที่ 1 ) และสืบทราบในทางลับอีกว่า นางรุ่งนภาขายต่อให้ไปอีกราย (ผู้ซื้อบุคคลที่ 2 ) ซึ่งทั้งหมดต้องถูกแจ้งขอกล่าวหา เนื่องจาก จับพิกัดแล้วอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงตีนตกชัดเจน
ถือว่ามีความผิดว่าด้วยการป่าไม้ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ฐาน “ทำไม้ หรือเจาะ หรือสับ หรือเผา หรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 69 วรรคสอง ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐาน ยึดถือครอบครองทำประโยชน์
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชาติตระการ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด จำนวน 3 ราย คือ ผู้ขาย และผู้ซื้อจำนวน 2 ราย นี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป