xs
xsm
sm
md
lg

พ่อตาร้องทนายดังช่วย! ถูกลูกเขย-หลานเขยเป็น ตร. ล็อกคอใส่กุญแจมือกระทืบสลบ-ซี่โครงหัก ปมทวงที่มรดก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์- เจ้าของร้านซ่อมรถนำคลิปหลักฐาน บุกร้อง “ทนายอั๋น” บุรีรัมย์ ถูกลูกเขยและหลานเขยเป็น ตร.บุกบ้านล็อกคอใส่กุญแจมือตบต่อยกระทืบสลบซี่โครงหัก ปมขัดแย้งทวงที่ดินมรดก หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรมเหตุคู่กรณีเป็น ตร. ด้านลูกเขยปัดไม่พร้อมชี้แจง พนักงานสอบสวนแจ้ง 3 ข้อหา “ทนายอั๋น” ชี้เป็นพฤติกรรมอุกอาจ รุนแรง จี้“ ผบ.ตร.” จัดการ

วันนี้ (26 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ นุ่นอ่อน อายุ 49 ปี เจ้าของร้านซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่ง ใน ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมนางม้วน นุ่นอ่อน อายุ 71 ปีผู้เป็นแม่ ได้นำเอกสารใบรับรองแพทย์ และคลิปจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ เข้าร้องเรียน นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ให้ช่วยเหลือเรื่องคดีความ เพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

หลังจากได้ถูกนายจิ๋ว ซึ่งเป็นลูกเขย และหลานเขยซึ่งเป็นตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัดสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันบุกรุกเข้าไปทำร้ายร่างกายทั้งตบ ต่อย ล็อกคอใส่กุญแจมือ กระโดดถีบ และรุมกระทืบจนสลบ มีแผลฉีกขาดที่ริมฝีปากบน เย็บ 7 เข็ม กระดูกซี่โครงด้านหน้าซ้ายหัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.30 น. ภายในบ้านหรือในร้านซ่อมรถของ นายประเสริฐ โดยอดีตภรรยา ของประเสริฐ ที่เลิกรากันได้ประมาณ 4 – 5 ปี รวมทั้งญาติของอดีตภรรยา ก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครช่วย

ปมเหตุที่นายจิ๋ว ลูกเขย และหลานเขย ซึ่งเป็นตำรวจ พยายามจะขับไล่นายประเสริฐ ออกจากร้านซึ่งสร้างอยู่ในที่ดินของอดีตพ่อตาแม่ยายที่เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากนายประเสริฐ แยกทางกับอดีตภรรยา ทางญาติของอดีตภรรยาก็พยายามจะทวงเอาที่ดินคืน โดยอ้างว่าเป็นที่มรดก

นายประเสริฐ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ได้อยู่กินกับภรรยามากว่า 20 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ตอนพ่อตาแม่ยายยังมีชีวิตอยู่ก็ยกที่บริเวณดังกล่าวให้ เพื่อไว้ทำมาหากินเนื่องจากที่ดินอยู่ติดถนน จึงเปิดเป็นร้านซ่อมรถ ส่วนภรรยา ก็เปิดร้านขายของชำอยู่ตรงข้ามกัน ตอนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร กระทั่งเมื่อ 4 – 5 ปีก่อนได้แยกทางกับภรรยา ซึ่งลูกทั้งสองคนก็ไปอยู่กับภรรยา ส่วนตนยังอยู่ที่ร้านซ่อมรถดังกล่าวตามปกติ กระทั่งลูกสาวแต่งงานมีสามี ฝั่งอดีตภรรยา ลูกเขย และหลานเขย ก็พยายามจะมาทวงที่ดินที่ตนสร้างอู่ซ่อมรถคืน แต่ตนไม่ย้ายออกเพราะลงทุนลงแรกไปเยอะแล้ว ถ้าจะให้ออกก็ต้องมีการพูดคุยตกลงกัน

กระทั่งวันเกิดเหตุช่วงเช้า ตนมีปากเสียงกับพี่ชายอดีตภรรยาที่หลังบ้านเรื่องสายไฟ จากนั้นเข้ามาอาบน้ำกินข้าวแล้วก็นอนเล่นที่เปลในร้าน กระทั่งช่วง 9 โมงกว่าลูกเขยและหลานเขย ขี่ จยย.มาที่ร้าน มาต่อว่าตนและไล่ให้ออกจากร้านกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเอง ตนบอกไปว่านี่ก็บ้านเหมือนกันเพราะเคยอยู่อาศัยกับภรรยามาก่อน แต่หลานเขยไม่พอใจเดินเข้ามาตบ และต่อยหน้าขณะตนนอนในเปล ก่อนจะเข้าล็อกคอแล้วใส่กุญแจมือ ซึ่งตนเห็นหลานเขยพกปืนติดตัวมาด้วยจึงไม่ต่อสู้หรือขัดขืน

จากนั้นอดีตภรรยา และญาติอดีตภรรยา ก็ตามมาสมทบอีก จังหวะที่ตนนั่งบนที่นอนโดยลูกเขยนั่งด้านข้าง พยายามบอกให้ตนออกไปจากร้าน แล้วหลานเขยก็กระโดดถีบจนล้มหงายหลัง จากนั้นทั้งลูกเขยหลานเขยก็รุมกระทืบจนสลบเลือดออกปากจมูก ไปฟื้นอีกทีถูกนำตัวส่ง รพ.แล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด แต่เนื่องจากหลานเขยเป็นตำรวจ จึงเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวไม่ปลอดภัย เพราะหลังเกิดเหตุลูกเขยได้ขโมยการ์ดจากวงจรปิดในร้านไปหวังทำลายหลักฐานด้วย จึงได้มาร้องทนายอั๋นให้ช่วยเหลือ

ด้านทนายอั๋น ระบุว่า หลังจากได้เห็นคลิปที่ผู้บาดเจ็บนำมาร้องเรียน มองว่าเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจ โดยเฉพาะหลานเขยที่เป็นตำรวจซึ่งมีการใช้กุญแจมือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในราชการตำรวจ กลับนำมาใช้กับประชาชนทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการกระทำที่รับไม่ได้ จึงอยากฝากถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควรจะจัดการกับตำรวจที่มีพฤติกรรมรังแกประชาชนในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งปัญหาพิพาทที่เกิดขึ้นกรณีนี้เกี่ยวกับเรื่องที่ดินและปัญหาภายในครอบครัว ควรจะใช้กฎหมายไม่ควรใช้ความรุนแรง ส่วนที่ผู้เสียหายเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนก็จะเข้าไปดูแลช่วยเหลือเรื่องคดีด้วย

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายจิ๋ว ลูกเขย ที่ปรากฏในคลิปว่า ทำร้ายพ่อตา ซึ่งนายจิ๋ว ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือชี้แจงกับสื่อ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูล ทั้งบอกว่ามีคลิปและหลักฐานที่จะต่อสู้ในศาล แต่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยหรือให้สัมภาษณ์สื่อเกรงจะกระทบเรื่องคดี

จากการสอบถามพนักงานสอบสวน ให้ข้อมูลว่า หลังรับแจ้งได้สอบปากคำปากคำทั้งสองฝ่ายตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ถูกแจ้งความทั้ง 2 คนแล้ว คือ “ร่วมกันทำร้ายร่างกาย , บุกรุกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปและร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย และข้อหาลักทรัพย์” แต่ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอสู้คดีในชั้นศาล หลังจากนี้จะทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น