สระบุรี - พ่อพิการสุดทนลูกทรพีใช้จอบจามหัวและทำร้ายเป็นประจำ รวมทั้งทำร้ายคนในครอบครัว ล่าสุด หอบครอบครัว 5 ชีวิตไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่นเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย เข้าไปแจ้งความคำเดินคดี 3 เดือน คดีไม่คืบ จึงร้องขอให้กัน จอมพลัง ช่วย
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี กันจอมพลัง หรือนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ได้พานายประชา ชัยโส อายุ 58 ปี ผู้เสียหาย พร้อมลูกสาวเดินทางมาที่ สภ. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี หลังจากที่ถูกนายศรายุทธ กงแก้ว หรือหนึ่ง อายุ 31 ปี ลูกเลี้ยง (ลูกติดภรรยา) ผู้ก่อเหตุ ใช้จอบตีศีรษะเเตกต้องนอน รพ.อยู่นานเกือบเดือน
กัน จอมพลัง เผยว่า วันนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคุณลุงท่านหนึ่งว่าถูกลูกเลี้ยงทำร้ายร่างกายสาหัส ถูกจอบทุบหัวจนแตก โดยที่ได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เมื่อโตขึ้นกับเป็นลูกทรพี ตีพ่อเป็นประจำ ทั้งต่อยเตะ รวมถึงเอาสากกะเบือฟาดหัว เอาจอบจามหัว จึงทำให้ต้องพาครอบครัว ลูก ภรรยา รวม 5 คน หนีออกจากบ้านร่วม 3 เดือนแล้ว และไม่สามารถกลับไปได้เพราะกลัวว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกาย ที่ผ่านมาไแจ้งความที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี หลังจากถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง และไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ คุณพ่อหมดหวังถึงกับประกาศขายบ้าน ซึ่งตนคิดว่าผู้ที่ถูกกระทำไม่ใช่คนที่ต้องหนี ส่วนคนที่ก่อเหตุสมควรที่ต้องละอาย ไม่ใช่ให้คนถูกกระทำต้องมาขายบ้านทิ้ง
ทั้งนี้ ผู้กำกับ สภ.แก่งคอย ได้รับปากติดตามดำเนินคดีให้ แต่ยังมีความกังวลใจเรื่องของการกลับไปอยู่ในบ้าน จึงมีการประสานสายตรวจเพื่อเข้าตรวจตราและดูแลความปลอดภัยในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผ่านมาประมาณ 3 เดือน มีการแจ้งความ 2 ครั้งคือ การทำร้ายร่างกาย และตำรวจบอกยืนยันว่าจะช่วยเหลือเต็มที่ ส่วนข้อหาอื่นๆ การทำร้ายร่างกายสาหัส หรือพยายามฆ่า และการถูกทุบเข้าไปที่ศีรษะ อาจเป็นจุดเสี่ยงและอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ตำรวจจะต้องไปสอบเพิ่ม
นอกจากนี้ มูลเหตุการก่อเหตุนั้นลูกเลี้ยงอ้างว่าพ่อไม่รัก แต่ทางคุณพ่อเล่าว่ามีปัญหาเรื่องการใช้สารเสพติดมาโดยตลอดอาจจะเป็นการคิดไปเอง ทั้งนี้หากพ่อไม่รักจริงเขาจะจัดงานบวชให้หรือไม่ และจะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ หรือไม่
ส่วนทางด้านนายประชา ชัยโส อายุ 58 ปี ชาวบ้าน หมู่ 4 ตำบลท่าตูม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ผู้เสียหายได้เผยกับทีมข่าวว่า นายหนึ่งเป็นลูกติดของภรรยาคนปัจจุบัน ซึ่งตอนเขาเด็กๆ นิสัยดีเป็นเด็กดีเชื่อฟัง เเต่พอโตขึ้นอายุได้สัก 20 กว่าปี เขาเริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งตนไม่รู้ว่าเขาเริ่มเสพยาเสพติดตอนไหน มารู้อีกทีช่วงที่เขาอายุ 20 กว่าๆ เเละเริ่มทำร้ายพ่อเเม่ รวมถึงคนในครอบครัวเเล้ว
โดยที่ผ่านมา พฤติกรรมเขาไม่เคยรุนเเรงเท่านี้ ตนให้อภัยมาตลอด ไม่เคยเเจ้งความ เพราะรักเเม่เขามาก เคยไปสู่ขอลูกสาวคนอื่นให้แต่งงานกับเขา เเต่สุดท้ายก็เลิกรากันไป จนเขาอายุได้ 30 ปี อยากบวช ตนจัดงานบวชให้ คิดว่าเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีขึ้นมาได้ ตอนที่ตนเห็นชายผ้าเหลืองก็ยอมรับว่า รู้สึกดีใจและหวังว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเอง
เเต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม จนวันที่ 24 ก.ย. เขาเอาสากมาตีหัวตน ไม่พอ วันที่ 27 ก.ย. อีกฝ่ายจะเข้าไปทำร้ายร่างกายลูกสะใภ้ ก่อนจะเอาจอบมาตีหัวตนอีกจนต้องเข้า รพ.จนขณะนี้ตนและทุกคนในครอบครัวต่างหวาดระแวงและไม่มีใครกล้าที่จะอยู่บ้าน เพราะกลัวจะถูกทำร้ายอีก เพราะเขาเคยขู่ว่าจะฆ่ายกครัว พวกตนเลยหนีออกไปเช่าบ้านอยู่กันที่อื่น ตนเพิ่งจะมาทราบภายหลังว่า ในช่วงที่พวกตนไม่อยู่บ้าน ลูกเลี้ยงคนนี้แอบทุบหน้าต่างปีนเข้ามาในบ้านเพื่อที่จะขโมยของไปขาย มาวันนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับลูกคนนี้ให้ถึงที่สุดไม่ปล่อยไว้เเล้ว เพราะกลัวว่าวันข้างหน้าจะเป็นภัยสังคม ยืนยันว่า ถ้าเขาถูกจับจะไม่ช่วยประกันตัวแน่นอน
ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.สุทธิชัย ศรีอ่อน รองผกก.(สอบสวน) สภ.แก่งคอย พ.ต.ท.สุทธิชัย ศรีอ่อน รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.แก่งคอย ระบุว่า หลังจากได้รับเรื่องพนักงานสอบสวนเร่งรัดติดตามอยู่ตลอด ในข้อหาแรกเบื้องต้นคือทำร้ายร่างกาย และมีการติดตามผลการรักษาของแพทย์ ส่วนจะเข้าข้อหาการทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือพยามฆ่าหรือไม่ เราจะประสานสอบแพทย์เพิ่มเติม รวมถึงสอบพยานในที่เกิดเหตุในบางประเด็นที่อาจจะยังไม่ครบถ้วน แต่ยืนยันว่ามีการดำเนินคดีมาโดยตลอด และจะเร่งรัดจับกุมต่อไป ซึ่งเหตุการณ์พวกนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก
นอกจากนี้ ในเรื่องของการใช้สารเสพติดจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และที่ผ่านมาพบว่ามีการจับกุมในข้อหาเสพยามาแล้ว และคดีส่งฟ้องศาลไปแล้ว ส่วนคดีอาชญากรรมอื่นๆ จะมีการตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ ผู้กำกับการ สภ.แก่งคอย สั่งให้พนักงานสอบสวนทำงานให้รัดกุม สำหรับเรื่องความปลอดภัยมีการกำชับให้สายตรวจไปส่งคุณพ่อที่บ้าน และไปแวะเยี่ยมเยียน รวมถึงลงพื้นที่ไปดูแล