นครปฐม - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางเลน เพื่อเร่งรัดการติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 5 คนที่ก่อเหตุ พร้อมแจ้งจัดตั้งชุดอินทรีย์ 7 หน่วยคอมมานโด เร่งไล่ล่าติดตามคนร้ายทั้งหมด ซึ่งไม่มีนโยบายในการรับมอบตัวเพื่อเป็นการต่อรอง หากประสงค์จะเข้ามาพบตำรวจให้นำอาวุธปืนมาด้วย
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรบางเลน จังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการไล่ล่า 5 มือปืน รัวกระสุนปืนภายในสนามไก่ชน ป.บางเลน นครปฐม เมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นการก่อเหตุโดยไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย และอยู่ในช่วงระดมกวาดล้างอาชญากรรมของตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งมีคำถามจากประชาชนเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนไปในสถานที่ต่างๆ และมาตรฐานการรองรับความปลอดภัยของสนามชนไก่ดังกล่าวว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร
พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง 5 คน ที่ปรากฏในข่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับกุมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นของการไล่ล่า เร่งติดตามตัวโดยมีการสั่งการตั้งชุดอินทรีย์ 7 ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการคอมมานโดของตำรวจภูธรภาค 7 ให้มีการติดตามจับกุมคนร้ายทั้งหมดมาให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ เป็นนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่ได้เร่งสั่งการในเรื่องนี้มาอย่างเด็ดขาด
รองผู้จัดการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสของการเข้ามอบตัวตอนนี้ ขอชี้แจงว่าทางตำรวจไม่มีนโยบายในการรับมอบตัว ซึ่งเจอที่ไหนจะทำการจับกุมเพราะมีหมายจับไว้แล้ว และทั้งหมดจะไม่มีเงื่อนไขในการเข้ามอบตัว อาจจะเข้ามาก็มาทั้งตัวและอาวุธปืนที่ก่อเหตุด้วย สำหรับประเด็นเกี่ยวกับคำถามว่าเหตุใดยังมีการใช้อาวุธปืนเข้าไปในสนามชนไก่ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นการตรวจสอบถึงระบบการดำเนินการ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีการสั่งการกำชับเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นสนามวัวลาน สนามไก่ชน ทุกที่จะมีการสั่งมาตรการในการกวดขันเรื่องอาวุธปืน ทางเข้าออก โดยตำรวจจะมีการตั้งด่านตรวจบนท้องถนนเพื่อมีการจับกุม เนื่องจากพวกกลุ่มที่พกอาวุธปืนจะมีการนำอาวุธปืนเก็บไว้ในรถ แต่ที่สนามแห่งนี้จะต้องมีการตรวจสอบว่า หย่อนยานในเรื่องใด ขอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ประเด็นเรื่องของการใช้อาวุธปืนเข้าไปในสนามไก่ชน หรือการที่ยังไม่มีการชำระเงินค่าเดิมพันจะเป็นในส่วนเครดิตของสนามนั้นๆหรือผู้จัดนั้นๆ ไป
ด้าน อาจารย์แดง โปรโมเตอร์สนามไก่ชน ป.บางเลนนครปฐม ได้มีการเปิดโต๊ะแถลงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสนามในวันเกิดเหตุว่า ก่อนอื่นเรื่องสนามเราขออนุญาตในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และถูกต้องตามกฎหมาย จะจัดแข่งขันเดือนละสองครั้ง จัดทุกวันเสาร์ สัปดาห์เว้นสัปดาห์ ซึ่งในการแข่งขันจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 8 คู่ต่อวัน เพราะว่าเป็นการแข่งขันที่เดิมพันกันสูง เพราะฉะนั้นซุ้มต่างๆ ที่มาชนก็เปรียบเสมือนกับนักมวยดังมาแข่งขันกัน ซึ่งการแข่งขันในแต่ละคู่จะตกลงกันว่าจะจัดแข่งกันกี่ยก ข้อตกลงเป็นไปตามสัญญาของสองฝ่าย
เหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นเหตุการณ์ที่ทางสนามไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น เพราะไม่เคยมีเหตุเช่นนี้มาก่อน อย่างหนักแค่ทะเลาะกันคุยกันไม่ลงตัวบ้าง เคลียร์ไม่ได้บ้าง ซึ่งสุดท้ายตกลงกันได้ตลอด เหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นการแข่งขันในคู่ที่ 4 ระหว่างพยัคฆ์ร้ายริมคลอง vs ก.นวรัตน์ เงินเดิมพันอยู่ที่ 1,100,000 บาท ต่างฝ่ายต่างวางข้างละ 550,000 บาท ซึ่งในการแข่งขันจะมีราคาเดิมพันที่สนาม และราคาเล่นนอกอย่างที่เคยเห็นในสนามมวย ซึ่งเล่นนอกคือทุกคนสามารถเล่นได้กันหมด ซึ่งจะมีสมุดจด สมุดบันทึกว่า เล่นกับใครอย่างไรเท่าไหร่บ้าง
ผู้เล่นจะได้สมุดมาเล่นก็ต่อเมื่อเดินผ่านประตูด้านหน้า ซึ่งลงทะเบียนกับสนาม เมื่อเดินผ่านเข้ามาในประตูจะมีการ์ดคอยอำนวยความสะดวก และสแกนใบหน้าว่าบุคคลคนนี้หมายเลขเท่าไหร่ เรียงตามหมายเลขลำดับไป เพื่อป้องกันการจำหน้าไม่ได้ ซึ่งจะเข้มงวดในเรื่องนี้มาก ส่วนหน้าสนามจะมีป้ายเตือนห้ามนำอาวุธเข้ามา หากตรวจเจอจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทางสนามจะไม่รับผิดชอบ
เหตุการณ์ในคู่ที่ 4 ตกลงกันว่ามี 6 ยกด้วยกัน ยกที่หนึ่ง ก.นวรัตน์ เป็นต่อ 2-1 จนกระทั่งการแข่งขันดำเนินไปถึงยกที่ 3 จากที่เป็นต่อกลับไปเป็นรอง (22 น.ต่อยก) จนกระทั่ง 10 นาทีหลังเป็นรองสรุปผลการแข่งขันนั้นแพ้ จึงมีการเก็บจ่ายในสนามสำหรับบุคคลที่เล่นนอก (เดิมพันก็ไปรับที่จุดวางเดิมพัน)
ในขณะที่เคลียร์ยังไม่จบนั้น ฝ่ายแพ้ (ผู้ติดตามและผู้เล่นหลายฝ่ายด้วยกันมาจากหลายจังหวัด) อาจจะไม่พอใจ เกิดการสร้างเรื่องขึ้นมา เพราะในขณะเกิดเรื่องมีบุคคลที่หนีออกจากสนาม โดยการปีนรั้วข้าม แต่ทางการ์ดเห็นจึงเข้าไปล็อกตัวพากลับมาตกลงในสนาม ซึ่งพรรคพวกของเขาที่มาด้วยกันก็พยายามสร้างเรื่อง ยิงปืนขึ้นมาก่อนชุดแรก ประมาณสองถึงสามนัด ที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยวในสนาม เมื่อเสียงปืนดัง ทุกคนแตกตื่นกระจัดกระจายวิ่งหนีออกนอกสนาม ซึ่งทางออกมีทางเดียว กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงยิงเปิดทางขึ้นฟ้าเพื่อจะรีบหนีออกจากสนาม และทางการ์ดสนามไม่กล้าเข้ายุ่ง เพราะไม่มีอาวุธแม้แต่คนเดียว
ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุอาจมีบุคคลนอกช่วยส่งอาวุธปืนเข้ามาทางรั้วด้านข้าง เพราะรั้วไม่ได้ปิดมิดชิด ไม่ได้ใช้ซีเมนต์ตีปิด ขณะนั้นต่างฝ่ายต่างวุ่นวายกับการเล่น จึงไม่มีใครทันสังเกต
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคู่นี้ไม่สามารถบอกได้ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นผู้ก่อเหตุ เพราะไม่รู้ว่าใครมาจากไหนอย่างไร ส่วนกลุ่มก่อเหตุไม่ได้มาที่สนามแห่งนี้เป็นประจำแต่ ตนไม่ทราบประวัติของผู้ก่อเหตุที่ผ่านมาด้วยว่าเคยไปชักดาบที่ไหนหรือไม่ สุดท้ายนี้ หากผู้เล่นคิดในสิ่งถูกที่ควรว่า เงินในกระเป๋ามีเท่านี้ แต่ไม่พอจ่ายก็เข้ามาตกลงกันดีกว่าหรือไม่ว่าจะทยอยคืนเท่าไรอย่างไร ไม่ควรทำเช่นนี้