ฉะเชิงเทรา - สีสันเลือกตั้ง อบจ.เมืองแปดริ้ว ล่าสุด นักธุรกิจนำเข้ารถไฟฟ้าขนาดเล็ก อดีตเลขาฯ นายก อบจ. ประกาศลงสนามวัดบารมีกลุ่มบ้านใหญ่ ไม่หวั่นแม้ "ผู้ใหญ่ไก่" จะประกาศยอมถอยเปิดทางนายกฯ ก้อย นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ต่อไป เผยอยากแก้ปัญหาถูกปล่อยทิ้งคาราคาซังหลายเรื่อง
วันนี้ (22 ธ.ค.) นายพนธ์ มรุชพงษ์สาธร อายุ 53 ปี นักธุรกิจในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้ารถพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กจากประเทศจีน มานานกว่า 20 ปี และถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่มีการนำเข้ารถไฟฟ้าขนาดเล็กมาจำหน่ายก่อนที่จะมีบริษัทใหญ่จากประเทศจีนเข้ามาทำตลาด และที่ผ่านมา ยังได้รับเชิญจากประธานการจัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ ให้นำสินค้าไปจัดแสดง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนต้องการที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา หลังได้เตรียมความพร้อมมานานกว่า 1 เดือน
ส่วนสาเหตุที่ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เพราะเคยทำงานการเมืองในเบื้องหลังมานานนับสิบปีแล้ว และการเลือกตั้งในครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่กลุ่มบ้านใหญ่หลังต่างๆ ได้รวมตัวกันหนุนผู้สมัครจากตระกูลดัง เพื่อให้ได้เป็น นายก อบจ.จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของ จ.ฉะเชิงเทรา
"ตอนนี้ธุรกิจที่ทำอยู่เริ่มอยู่ตัวแล้ว และยังได้วางระบบงานไว้เรียบร้อย จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้ามาทำงานการเมือง จึงขอป็นว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา อีกหนึ่งคนหลังได้เปิดตัวให้เป็นที่รู้จักในพื้นที่มานานนับเดือนทั้งผ่านทางสื่อเฟซบุ๊ก และโซเชียลมีเดียต่างๆ"
นายพนธ์ ยังเผยอีกว่าตนมีแนวทางในการแก้ไขปัญหางานต่างๆ ของ จ.ฉะเชิงเทรา จึงอยากนำเสนอแนวคิดที่สะสมมานานออกสู่สังคม และขณะนี้ได้เริ่มทำแล้ว ส่วนแนวคิดในการลงสมัครนายก อบจ.เพราะ “สำนึกรักในบ้านเกิด” อีกทั้งน้องชายคือ นายธวัชพงศ์ มรุชพงษ์สาธร หรือ ส.ท.รักษ์ ยังได้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราในสมัยล่าสุดนี้
ขณะที่การลงสมัครรับเลือกตั้งที่มีคู่แข่งที่ได้รับการสนับสนุนจากบ้านใหญ่หลายหลังคือ นายกลยุทธ ฉายแสง หรือนายกฯ ก้อย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรานั้น ตนไม่หนักใจอะไรเพราะการลงสมัครรับเลือกตั้ง จะทำให้ได้มีโอกาสมานำเสนอแผนงานต่างๆ ที่จะทำให้ จ.ฉะเชิงเทรา พัฒนาโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและดีที่สุด
โดยมีแผนที่จะบริหารจัดการด้านการสร้างงานต่างๆ เพื่อให้เกิดเงินสะพัดในพื้นที่ รวมทั้งการดูแลทุกข์สุขของประชาชนนับตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ จนถึงผู้สูงอายุ ที่ล้วนมีการเตรียมงานไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นโครงการที่เป็นจริงได้ และไม่ใช่แค่การเพ้อฝัน
ส่วนสาเหตุที่ลาออกจากการเป็นเลขานุการ นายก อบจ.หลังเข้าไปทำงานได้ประมาณ 1 ปีนั้น นายพนธ์ เผยว่าเป็นเพราะตนไม่สามารถที่จะแสดงศักยภาพทั้งด้านความคิด และความรู้ได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนแผนการต่างๆ ที่จะทำออกมาช่วยเหลือประชาชน ทั้ง โครงการถนนคนเดิน ถนนข้าวสวยในเทศกาลสงกรานต์ที่จะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่เทียมเท่ากับถนนข้าวเหนียวใน จ.ขอนแก่น
ตลอดจนสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ที่เดิมมีอยู่แค่เพียงแค่ 1 สะพาน และสร้างมานานกว่า 20 ปีแล้ว และหากไม่เริ่มโครงการสร้างใหม่อีก 1 สะพาน อาจทำให้การสัญจรมีปัญหาได้
"นี่คือประเด็นหลักที่อยากจะเข้าไปผลักดันให้เกิดสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงในเขตเทศบาลเมืองแห่งที่ 2 หรือ 3 ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี และถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลือกตั้งคณะผู้บริหารชุดใหม่เพื่อเข้าไปดำเนินการงานตามนโยบายต่างๆ เพื่อประชาชน ซึ่งเรามีนโยบายครบทุกด้านที่สามารถทำได้จริง ทำได้เร็ว และทำได้เลย จึงขอเรียกร้องให้ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ออกมารวมพลังสร้างเมืองให้เป็นเมืองที่ดีที่สุด ทัดเทียมกับจังหวัดอื่นๆ และส่งต่อเมืองที่ดีนี้ให้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเราต่อไป" นายพนธ์ กล่าว