เพชรบูรณ์ – ญาติมิตรซาบซึ้งสาธุอนุโมทนาบุญกันถ้วนหน้า..เปิดใจครอบครัวชาวศรีเทพ ยึดประสบการณ์รอรับบริจาคกระจกตานาน 3 ปีจนรอไม่ไหว ร่วมตัดสินใจบริจาคอวัยวะพ่อป่วยเลือดคั่งในสมองเสียชีวิต ให้สภากาชาดไทย ช่วยผู้รอคอยมีโอกาสมองเห็นอีกครั้ง
วันนี้(21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ณ บ้านเลขที่ 269 หมู่ 15 ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ได้มีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพนายสว่าง ศรีประโค อายุ 69 ปี ท่ามกลางญาติมิตรที่ต่างร่วมไว้อาลัย รวมทั้งอนุโมธนาบุญกุศลครั้งสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ หลังทราบว่าได้มีการบริจาคอวัยวะกระจกตาทั้ง 2 ข้าง ให้กับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โรงพยาบาลวิเชียรบุรี เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นได้มองเห็นต่อไปด้วย
นางสาวศรีสุวรรณ ศรีปะโค อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้บริจาคอวัยวะ (กระจกตา) เล่าว่า พ่อป่วยด้วยอาการเลือดออกในสมอง เข้ารักษาตัวที่ รพ.ศรีเทพ ก่อนมีการส่งต่อโรงพยาบาลวิเชียรบุรี ระหว่างการรักษาได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมาติดต่อชักชวนให้บริจาคดวงตาของพ่อ
ซึ่งตอนแรกก็ตกใจ แต่หลังจากได้ศึกษาเอกสารก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่ง ประกอบกับคนในครอบครัว มีประสบการณ์ในการรอรับบริจาคกระจกตา ซึ่งต้องรอนานถึง 3 ปี จนต้องตัดสินใจจ่ายเงินทำเลสิคเองมาแล้ว จึงมีความคิดว่าจะบริจาคอวัยวะกระจกตาของพ่อ
อย่างไรก็ตาม พ่อไม่เคยแสดงความจำนงค์ขอบริจาคอวัยวะมาก่อน จึงเป็นภาระการตัดสินใจของญาติที่ต้องตัดสินใจแทน ส่วนหนึ่งคิดว่า จะได้เป็นกุศลและขอกุศลแห่งบุญครั้งนี้ ส่งดวงวิญญาณของพ่อสู่ภพภูมิที่ดี จึงตัดสินใจร่วมกันได้ในที่สุด
“อยากขอบอกทุกคนว่า มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด การบริจาคดวงตาไม่ได้ควักดวงตาออก แต่เป็นการผ่าตัดเอาเพียงกระจกตา ไม่ได้ทำให้ร่างกายของผู้เสียชีวิต จนน่ากลัวหรือผิดปกติแต่ย่างใด”
อีกทั้งผู้บริจาคและครอบครัว ได้รับการดูแลจากคณะผู้บริหารโรงพยาบาลวิเชียรบุรีเป็นอย่างดี พร้อมมอบเกียรติบัตรและพวงหรีดเคารพศพ แก่ครอบครัว ศรีปะโค และช่วยเหลือดูแลในการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพให้อีกด้วย
ด้านนายเชิดชัย คงจำนงค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลวิเชียรบุรี กล่าวว่า ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โรงพยาบาลวิเชียรบุรี เปิดทำการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2566 สำหรับนายสว่าง ศรีประโค เป็นผู้บริจาครายที่ 3 ของศูนย์ดวงตาฯ ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ส่งมาจากโรงพยาบาลศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ส่งมาทำการรักษาต่อที่โรงพยาบาลวิเชียรบุรี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผู้ป่วยไม่ได้แจ้งความประสงค์บริจาคอวัยวะไว้ แต่ญาติมีประสบการณ์จากการอรับบริจาคอวัยวะ จึงเห็นความสำคัญและพูดคุยกับผู้บริจาคก่อนเสียชีวิต ญาติทั้งหมดจึงตกลงกันบริจาคอวัยวะกระจกตาดังกล่าว