ปราจีนบุรี - รักษาการ ผบช.ภ.2 ส่งมอบสำนวนคดี ส.จ.โต้งให้กองปราบ ยืนยัน "รองอุ๊" ยังไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องในคดี และผู้ต้องหาทางคดียังไม่มีเพิ่มเติม เผยที่ผ่านมาตำรวจทำงานเต็มที่แต่คดีมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลกว้างขวางในพื้นที่ กองปราบจึงเป็นหน่วยงานกลางที่เหมาะทำคดีต่อ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เรียกประชุมตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดปราจีนบุรี และตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อตรวจสอบและสรุปสำนวนคดีที่ทำมาตลอด 8 วันที่ผ่านมา ก่อนเตรียมส่งสำนวนทางคดีทั้งหมดให้กองบังคับการปราบปราม หลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้ทำการตรวจนับสำนวนทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดยมี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม และ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผู้บังคับการปราบปราม เข้าร่วม
พล.ต.ท.ยิ่งยศ เผยว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เซ็นคำสั่งให้โอนย้ายสำนวนคดีการเสียชีวิตของ ส.จ.โต้ง ให้กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในวันนี้ตนจะทำหน้าที่ส่งมอบสำนวนดังกล่าวให้ตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีรองผู้การกองบังคับการปราบปรามฝ่ายสอบสวนและสืบสวนปราบปราม เป็นผู้รับมอบรับช่วงต่อ
"ตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน ตำรวจภูธรภาค 2 ทั้งฝ่ายสืบสวนสอบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ทำงานอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีหยุดพัก และได้รับคำชื่นชมจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สามารถระงับเหตุ จับกุมผู้ต้องหาและสามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา 7 คนได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ส่วนเรื่องของการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์และพยานแวดล้อม ได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว โดยเฉพาะการเก็บพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุก็กระทำไปแล้วเช่นเดียวกัน"
ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานกลาง จะได้ลงพื้นที่มาเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อยืนยันการทำงานของตำรวจในพื้นที่ว่าถูกต้องครบถ้วน
พล.ต.ท.ยิ่งยศ เผยถึงสาเหตุที่ต้องโอนสำนวนคดีไปให้กองปราบ ทั้งที่ตำรวจภูธรภาค 2 ทำงานดีแล้ว ว่าเป็นเพราะญาติของผู้เสียชีวิตร้องขอ ประกอบกับคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องและเกี่ยวเนื่องในหลายพื้นที่ ซึ่งผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลกว้างขวาง ดังนั้น การโอนย้ายสำนวนให้กองปราบ ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบจะช่วยลดปัญหาความหวาดระแวงและข้อวิพากษ์วิจารณ์ได้
"ส่วนกรณีการเข้าตรวจค้น 3 จุดวันนี้ หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ามีความเกี่ยวข้องกับ "รองอุ๊" นั้น เป็นไปตามมาตรการต้องระวังเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า "รองอุ๊" จะเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ และที่ผ่านมายังไม่พบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง "รองอุ๊" แต่อย่างใด แต่หลังเกิดเหตุได้มีการเรียกสอบปากคำไปแล้วในฐานะพยาน"
สำหรับการเตรียมความพร้อมการรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จังหวัดปราจีนบุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 นี้ยอมรับว่ามีความกังวลเพราะในพื้นที่มีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น แต่ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี เท่านั้น เพราะเรื่องในลักษณะนี้มีทุกพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง และยืนยันว่าในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ตำรวจภูธรภาค 2 มีความพร้อมในการดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และหากผู้สมัครหวั่นเรื่องความไม่ปลอดภัยสามารถร้องขอกำลังดูแลความปลอดภัยได้" พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว